
ไร้ดราฟต์ แต่ไม่ไร้ดาเมจ นักบาสอเมริกันบนเวทียุโรป
- Harry P
- 43 views
ไร้ดราฟต์ แต่ไม่ไร้ดาเมจ ในโลกที่ชื่อเสียง เริ่มต้นจากวันดราฟต์ เคนดริก นันน์กลับเริ่มต้นจาก “ไม่มีชื่อเรียก” ไม่มีป้ายติดหลังเสื้อ ไม่มีคำยกย่องใน ESPN แต่เขาพิสูจน์ให้ทั้ง NBA และ EuroLeague เห็นว่า เขาไม่ใช่แค่ผู้เล่นที่สมควรมีทีม แต่เขาคือ “ดาเมจ” ที่เปลี่ยนจังหวะเกมได้ทุกครั้งที่ลงสนาม
ไร้ดราฟต์ แต่ไม่ไร้ดาเมจ “เคนดริก นันน์” จบจาก Oakland University ด้วยค่าเฉลี่ย 25.9 แต้มต่อเกม ในฤดูกาลสุดท้าย ติดอันดับ 2 ของประเทศ รองจาก Trae Young เท่านั้น แต่เมื่อถึงวัน Draft ปี 2018 กลับไม่มีทีมใดเรียกชื่อเขาเลย
เขาถูกมองข้ามเพราะอดีต ที่เคยถูกไล่ออกจากมหาวิทยาลัย Illinois จากคดีทำร้ายร่างกาย และถูกจับตาว่าเป็น “ผู้เล่นเจ้าปัญหา” มากกว่าจะเป็นผู้เล่นพรสวรรค์ แต่สิ่งที่คนไม่เห็น คือชายที่เปลี่ยนทุกชั่วโมง ให้กลายเป็นโอกาสแก้ไขตัวเอง ในแบบที่หลายคนไม่เลือกจะทำ (9 กรกฎาคม 2025) [1]
“พวกเขาไม่ต้องเชื่อผม แต่ผมจะทำให้พวกเขาต้องเชื่อ ด้วยเกมที่ผมเล่น” – Kendrick Nunn
หลังใช้เวลาหนึ่งปีใน G League กับ Santa Cruz Warriors นันน์ถูกปล่อยตัวออกจากระบบวอร์ริเออร์ส โดยไม่มีแม้แต่เกมให้ลงเล่น แต่ไมอามี ฮีท (Miami Heat) เข้ามาเซ็นสัญญากับเขา และสิ่งที่เกิดขึ้นคือ การระเบิดทันที
นี่ไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลข แต่มันคือ “บทพิสูจน์” สำหรับทุกคนที่ถูกเมินตั้งแต่ต้น (22 มกราคม 2021) [2]
เจาะลึก ชีวิตนักบาส อย่างเคนดริก นันน์ที่แม้จะเปิดตัวแรง แต่เส้นทางของเขา ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
แต่สิ่งที่ทำให้เคนดริก นันน์ยังไม่หายไป จากแผนที่บาสเกตบอล ไม่ใช่เพราะชื่อเสียงในอดีต แต่เพราะเขาไม่เคยหายไปจากสนามซ้อม ไม่เคยละทิ้งวินัยในการฟื้นฟู และยังรักษามาตรฐานการชู้ต ที่เฉียบคมเหมือนเดิม แม้เวลาลงเล่นจะน้อยลงก็ตาม
ในปี 2023 นันน์เซ็นสัญญากับ Panathinaikos ของกรีซ และนั่นกลายเป็นจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ ในอาชีพของเขาอีกครั้ง เพราะเขาไม่ได้แค่ไปเล่น แต่เขากลายเป็นแกนหลักของทีม อย่างรวดเร็ว พา Panathinaikos คว้าแชมป์ EuroLeague ในฤดูกาล 2024-25
พร้อมคว้ารางวัล EuroLeague MVP และมีชื่อติดทีม All-EuroLeague First Team ด้วยฟอร์มที่โดดเด่น เกินความคาดหมาย เขายังสร้างสถิติใหม่ ด้วยการทำสามแต้มในหนึ่งควอเตอร์ได้มากที่สุด ในฤดูกาลนั้น และกลายเป็นผู้เล่นอเมริกัน ที่ได้รับค่าจ้างสูงที่สุดในยุโรป ณ เวลานั้น (10 เมษายน 2025) [3]
นี่ไม่ใช่แค่การย้ายถิ่นเพื่อพักใจ แต่มันคือการย้าย เพื่อเปิดพื้นที่ใหม่ ให้กับเกมของเขา พื้นที่ที่ NBA ไม่เคยมอบให้ ความกล้าในการเปลี่ยนเวที ทำให้เขาไม่ใช่แค่ฟื้นฟูชื่อของตัวเอง แต่สร้างชื่อใหม่ ที่ไม่มีใครคาดว่าเคนดริก นันน์จะเป็น MVP ในระบบบาสยุโรป ที่มีความเข้มข้นในแบบของมันเอง
ในบรรดา Undrafted ที่มีชื่อเสียงเคนดริก นันน์คือคนเดียวที่พิสูจน์ “สองทวีป” เป็นผู้เล่นไม่กี่คนที่มีอิมแพ็คระดับสูง ทั้งใน NBA และ EuroLeague
ไร้ดราฟต์ แต่ไม่ไร้ดาเมจ อย่างเคนดริก นันน์ไม่ใช่ผู้เล่นไร้ดราฟต์ธรรมดา เขาเคย “ล้ม” ด้วยความผิดพลาดของตัวเอง และสิ่งที่เขาเลือก ไม่ใช่การโทษคนอื่น แต่คือการเปลี่ยนแปลงตัวเอง ในระดับที่ลึกที่สุด
เขายอมเปลี่ยนเส้นทางจาก NCAA Division I มาเป็นตัวเด่นในทีมเล็ก ยอมเริ่มจากศูนย์ใน G League ยอมออกจาก NBA เพื่อสร้างตัวใหม่ในยุโรป และการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ไม่ใช่แค่เรื่องเกม แต่มันสะท้อนถึง “ตัวตน” ที่พร้อมจะโตอย่างจริงจัง
คำแนะนำสำหรับคนที่ “ไม่มีชื่อเรียก”
อย่ารอให้โลกเห็นคุณก่อน แล้วค่อยลงมือ จงสร้างเกมของคุณให้แน่น แม้ไม่มีสปอตไลต์ และความผิดพลาดในอดีต แก้ไม่ได้ด้วยการซ่อนตัว มันแก้ได้ด้วย “การลงสนามซ้ำๆ แบบไม่ลดระดับคุณภาพ”
ท้ายที่สุดแล้ว ในยุคที่ชื่อเสียง คือใบเบิกทางเคนดริก นันน์กลับเป็นภาพสะท้อนของใครบางคน ที่ไม่มีชื่อ ไม่มีเวที ไม่มีโอกาสในวันแรก แต่เขาเลือกที่จะลงมือพิสูจน์ทุกวัน หลังจากนั้นว่า หากคุณยังมีเกมในตัวจริง โลกจะหันกลับมามอง แม้มันจะใช้เวลามากกว่าคนอื่นก็ตาม
มันเป็นการยืนยันว่าเขาไม่ใช่ “ดาววูบ” ใน NBA แต่เป็นผู้เล่น ที่สามารถครองเกมได้ในทุกระบบ เขาไม่เพียงคว้าแชมป์กับ Panathinaikos แต่ยังคว้า MVP และกลายเป็นผู้เล่นอเมริกัน ที่รับค่าเหนื่อยสูงที่สุดในยุโรป
คนที่ไม่มีชื่อเรียก ไม่ได้แปลว่าไม่มีคุณค่า นันน์แสดงให้เห็นว่า ความพยายามที่มั่นคง แบบไม่ลดระดับคุณภาพ ไม่ว่าวันนี้โลกจะมองเห็นหรือไม่ สุดท้ายมันจะพาเรา ไปยืนในจุดที่ไม่มีใครเมินได้อีกต่อไป