
ทำความรู้จักกับ โรเบิร์ต ฮูธ อดีตกองหลัง ชาวอังกฤษ
- sun-31
- 48 views

โรเบิร์ต ฮูธ อดีตกองหลัง เป็นอดีตกองหลังชาวเยอรมัน ที่โด่งดังในพรีเมียร์ลีก โดยเป็นเจ้าของสถิติการลงสนามในลีกสูงสุด ของนักเตะชาวเยอรมัน ด้วยจำนวน 326 นัด เขาประสบความสำเร็จอย่างสูงในอาชีพ ด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกถึง 3 สมัย ร่วมกับ 2 สโมสร ได้แก่ เชลซี และเลสเตอร์ซิตี เขาสร้างชื่อในฐานะกองหลังตัวกลางที่แข็งแกร่ง
โดยเรื่องราวและชีวประวัติของโรเบิร์ต ฮูธ (Robert Huth) เกิดเมื่อวันที่ 18 เดือนสิงหาคม 1984 สถานที่เกิดในเมือง Biesdorf ของประเทศเยอรมนี ซึ่งเขาถือว่าเป็นอดีตกองหลังชาวเยอรมัน ที่ใช้เวลาตลอดอาชีพค้าแข้งในอังกฤษ โดยเริ่มต้นกับทีมเยาวชนของเชลซี และลงเล่นในทีมชุดใหญ่ครั้งแรก เมื่ออายุเพียง 17 ปี
เขาคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกกับเชลซีถึงสองสมัย ก่อนจะสร้างชื่อเสียงอย่างมั่นคงกับ มิดเดิลส์เบรอและสโต๊ค ซิตี้ ซึ่งเขาเป็นนักเตะคนสำคัญ และได้รับรางวัลผู้เล่นแห่งปีของสโมสร
จุดสูงสุดในอาชีพของเขาคือ การเป็นเสาหลักในแนวรับของทีม เลสเตอร์ ซิตี้ ชุดประวัติศาสตร์ที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2015–2016 และเขายังเคยติดทีมชาติเยอรมนีอีก 19 เกม (25 ตุลาคม 2025) [1]
เส้นทางอาชีพของเขา เริ่มต้นที่เยอรมนีบ้านเกิด ก่อนที่จะตัดสินใจครั้งสำคัญในชีวิต ด้วยการย้ายมายังอังกฤษตั้งแต่วัยรุ่น เพื่อเข้าร่วมทีมเยาวชนของเชลซี ในปี 2001 เขาเปิดตัวกับทีมชุดใหญ่ด้วยวัยเพียง 17 ปี และสั่งสมประสบการณ์จนเป็นส่วนหนึ่งของทีมเชลซี ชุดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสองสมัย
แม้จะมีโอกาสลงสนามไม่มากนัก เนื่องจากมีกองหลังระดับโลกอยู่หลายคน ด้วยความต้องการลงเล่นอย่างสม่ำเสมอ ฮูธจึงย้ายไปยังทีม มิดเดิลส์เบรอและสโต๊ค ซิตี้ จนเขากลายเป็นปราการหลังที่ดุดัน และแข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่งของลีก
ก่อนที่จะกลายเป็นตำนานกับเลสเตอร์ ซิตีในที่สุด ด้วยบทบาทสำคัญในการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ที่สร้างความประหลาดใจ ให้กับคนทั้งโลกในปี 2016
ที่มา: Robert Huth (2025) [2]

หลังจากการย้ายออกจากเชลซี เพื่อโอกาสลงเล่นที่สม่ำเสมอ โรเบิร์ตฮูธนั้น ได้ก้าวขึ้นเป็นหัวใจของแนวรับอย่างแท้จริง โดยเฉพาะช่วงเวลาที่อยู่กับ สโต๊ค ซิตี้ ภายใต้การคุมทีมของ โทนี่ พูลิส ซึ่งเขาเป็นกองหลังตัวกลางที่แข็งแกร่ง, ไม่เกรงกลัว และเป็นที่รักของแฟนๆ สโต๊ค จนได้รับรางวัลผู้เล่นแห่งปีของสโมสร
บทบาทการเป็นผู้นำของเขาเด่นชัดที่สุด เมื่อย้ายไปร่วมทีมกับเลสเตอร์ ซิตี้ โดยเฉพาะในช่วงหนีตายของฤดูกาล 2014-15 ซึ่งการมาของเขาได้เพิ่มความมั่นคง และความดุดันให้กับแนวรับอย่างเห็นได้ชัด
ตามข้อมูลกล่าวได้ว่า ตลอดการเล่นฟุตบอลอาชีพของแข้งรายนี้ เขามีรายได้อยู่ที่ราวประมาณ 15.8 ล้านเหรียญสหรัฐ และการที่เขาเล่นให้กับสโมสร เลสเตอร์ ซิตี้ ในพรีเมียร์ลีก เป็นครั้งสุดท้ายในฤดูกาล 2017-2018 (2025) [3]
ซึ่งการย้ายจากเยอรมนี มายังอังกฤษเพื่อร่วมทีมกับเชลซี ตั้งแต่ปี 2001 เป็นช่วงเวลาแห่งการเรียนรู้ที่สำคัญของโรเบิร์ตฮูธ ซึ่งเขาเปิดตัวในพรีเมียร์ลีกด้วยวัยเพียง 17 ปี แต่ต้องใช้เวลาปรับตัวอย่างหนักในทีม ที่เต็มไปด้วยดาวดัง และแรงกดดันสูง
ช่วงแรกของเขาคือ การฝึกฝนตนเองเคียงข้างกองหลังระดับโลกอย่าง จอห์น เทอร์รี และ วีลียาม กาลัส ทำให้เขาได้ซึมซับวินัย และมาตรฐานการเล่นในระดับสูงสุด แม้จะมีโอกาสลงสนามไม่บ่อยนัก
ด้วยความต้องการที่จะเล่นเป็นตัวจริงอย่างสม่ำเสมอ ในที่สุดเขาจึงตัดสินใจย้ายออกจากเชลซี เพื่อไปพิสูจน์ตัวเองกับ มิดเดิลส์เบรอ และ สโต๊ค ซิตี้ การตัดสินใจนี้ทำให้เขาได้พัฒนาฝีเท้า และความเป็นผู้นำ จนกลายเป็นหนึ่งในกองหลังที่น่าเกรงขามที่สุด ในพรีเมียร์ลีกในเวลาต่อมา
ตัวเลขที่เล่าความทุ่มเทในการค้าแข้ง ให้กับทีมฟุตบอลอาชีพ
สถิติการลงเล่นให้กับทีมชาติ เยอรมนี
ท้ายที่สุดแล้ว โรเบิร์ตฮูธ อดีตกองหลัง คืออดีตกองหลังชาวเยอรมัน ผู้เป็นตำนานของพรีเมียร์ลีก เขาเริ่มต้นอาชีพที่เชลซี และเป็นแชมป์ลีกสองสมัย ก่อนจะสร้างชื่อเสียงในฐานะกองหลังที่แข็งแกร่งกับสโต๊ค ซิตี้ และสร้างปาฏิหาริย์คว้าแชมป์ลีก อีกครั้งกับเลสเตอร์ ซิตี ในปี 2016 โดยเขาเป็นที่จดจำในฐานะกองหลังที่ดุดัน และมีวินัยในการเล่นสูง ตลอดอาชีพการค้าแข้งในพรีเมียร์ลีก
โดยเขาคือการเป็นกองหลังที่ไม่เรื่องมาก และโดดเด่นในเรื่องความแข็งแกร่งทางร่างกาย, การเข้าปะทะที่หนักหน่วงเด็ดขาด และการเล่นลูกกลางอากาศที่ยอดเยี่ยม โดยเน้นการเคลียร์บอลออกจากพื้นที่อันตรายเป็นหลัก ทำให้คู่ต่อสู้ต้องเกรงกลัว ในกรอบเขตโทษเสมอ เขาคือสัญลักษณ์ของกองหลังยุคเก่า ที่เน้นการป้องกันที่เรียบง่าย แต่ได้ผลสูงสุด
โดยสิ่งสุดท้ายที่เขาทิ้งไว้คือ การเป็นผู้เล่นชาวเยอรมัน ที่ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกมากที่สุดถึง 326 นัด และการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกรวม 3 สมัย โดยเฉพาะการเป็นกำลังหลัก ในแนวรับที่ไม่มีใครเทียบได้ของทีมเลสเตอร์ ซิตี้ ในการสร้างปาฏิหาริย์คว้าแชมป์ในปี 2016 ทำให้ชื่อของเขาถูกจารึกไว้ ในฐานะผู้ปิดทองหลังพระ ที่เป็นหัวใจของทีมรองสู่การเป็นแชมป์

