แหล่งรวมเกมส์ชั้นนำ สล็อต คาสิโน บาคาร่า พร้อมระบบล้ำทันสมัย รวดเร็วทันใจ

แฮนด์เชก คนสุดท้าย สะเก็ดไฟแห่งบาสยุคเก่า

แฮนด์เชก คนสุดท้าย

แฮนด์เชก คนสุดท้าย มาร์คัส สมาร์ท (Marcus Smart) ไม่ใช่นักบาสที่มาพร้อมลีลาสวยงาม หรือตัวเลขสะดุดตา แต่คือคนที่ลงสนามเพื่อ “รักษาคุณค่าบางอย่าง” ที่กำลังเลือนหาย ในยุคที่ทุกอย่างถูกรีดให้เร็ว และบาง สมาร์ทคือคนที่ยอมหนาแน่น อยู่กับความดื้อรั้นของยุคก่อน

  • จุดเด่นในสไตล์การเล่นบาสของมาร์คัส สมาร์ท
  • จุดแข่งด้านเกมรับของสมาร์ท
  • การย้ายทีมของสมาร์ท ในฤดูกาลล่าสุด

สมาร์ทเป็นเหมือน “แฮนด์เชก” ของเกมยุคก่อน

แฮนด์เชก คนสุดท้าย อย่างสมาร์ท ไม่ใช่ผู้เล่นที่มีสเต็ปชู้ตสวยแบบ Steph Curry ไม่ได้มีความเร็วจัดเหมือน Ja Morant และไม่ใช่แฟรนไชส์เพลเยอร์ ในสายตาสื่อกระแสหลัก แต่เขาคือ “คนสุดท้าย” ที่ยังหลงเหลือบางสิ่ง จากยุคเก่าของ NBA ยุคที่เกมไม่ได้เน้นแค่แต้ม แต่เต็มไปด้วยการปะทะ

คำว่า hand-check era เคยเป็นคำจำกัดความ ของยุคที่ผู้เล่นแนวรับ สามารถใช้มือแตะ ดัน หรือบีบพื้นที่ของฝ่ายรุก ได้อย่างเปิดเผย และนั่นทำให้ผู้เล่นแนวรับในยุคนั้น ต้องมีทั้งความแข็งแกร่งทางกาย และความเข้าใจ เชิงเกมอย่างลึกซึ้ง

เมื่อกติกาเปลี่ยน การจับมือแบบนั้น ก็ถูกห้าม แต่มาร์คัส สมาร์ทยังคง “ยื่นมือ” อยู่เสมอ ในความหมายเชิงสัญลักษณ์ เขาไม่ได้ใช้มือผลักคู่แข่ง แต่ใช้ใจดันเกม ใช้พลังดั้งเดิมของบาสเกตบอลอย่าง “grit” และ “toughness” เข้าต่อสู้ในลีก ที่เรียกร้องให้ทุกอย่าง “ดูดีบนจอ”

นักสู้ที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อยุคนี้

แฮนด์เชก คนสุดท้าย

แม้สมาร์ทจะสูงเพียง 6 ฟุต 3 นิ้ว (ประมาณ 190 ซม.) และเล่นในตำแหน่งที่ผู้เล่นยุคใหม่ มักใช้ความเร็วเหนือกว่า แต่เขากลับโดดเด่นในเกมรับ ที่ใช้ร่างกายบีบคั้น สร้างแรงกดดันเชิงจิตวิทยา และยอมแลกทุกอย่างเพื่อทีม เขาเป็นหนึ่งในผู้เล่นไม่กี่คน ที่สามารถ switch ได้แทบทุกตำแหน่ง [1]

ตั้งแต่การปะทะ กับเซนเตอร์ในโพสต์ ไปจนถึงการไล่บี้มือชู้ตวงนอก อย่างไม่ลดละ แต่สิ่งที่เขาทำมากกว่าสถิติ คือการส่งสาร ทุกเพลย์ที่เขาดิ้น บีบ วิ่ง กระแทก หรือแหย่ใจคู่แข่ง มันเป็นการบอกโลกว่า “ความพยายามนั้นยังมีค่า”

“I don’t care about stats. I care about stops.” – Marcus Smart คำพูดสั้นๆนี้ คือแก่นของเขา และอาจเป็นสิ่ง ที่อธิบายบาสเกตบอลอีกฝั่ง ที่กำลังจะเลือนหายไป ในยุคใหม่

เปรียบเทียบกับเกมรับยุคปัจจุบัน

ในขณะที่ NBA ยุคนี้เน้น pace & space มีระบบ switch-heavy defense มากขึ้น แต่เกมรับจำนวนมาก ถูกลดทอนความรุนแรง และความก้าวร้าวลงด้วยกติกา สมาร์ทจึงกลายเป็นของแปลก ในระบบที่ดู “ปลอดภัยเกินไป” และเมื่อลองเปรียบเทียบ กับผู้เล่นแนวรับชื่อดังคนอื่นๆ

  • Jrue Holiday : คือผู้เล่นที่อ่านเกมดี และควบคุมจังหวะด้วยสติ
  • Matisse Thybulle : ใช้ความยาว และความเร็วแบบ “เงา” ไล่สกัด
  • OG Anunoby : เป็นแนวรับแนวใหม่ ที่เล่นในระบบ zone-heavy เป็นหลัก

 

แต่สมาร์ทต่างออกไป เขาใช้ “สัญชาตญาณสัตว์นักล่า” มากกว่าการไล่บี้ การเรียกเสียงเชียร์ การลงพื้นกระโดด เพื่อเอาบอลที่หลุดมือคู่แข่ง สิ่งเหล่านี้ทำให้เขา ดูคล้ายผู้เล่นจากยุค 90s มากกว่ารุ่นเดียวกันในยุค 2020s

การเปลี่ยนแปลงในปัจจุบัน จากเซลติกส์สู่กริซลีส์

การย้ายจากบอสตัน เซลติกส์ (Boston Celtics) ไปเมมฟิส กริซลีส์ (Memphis Grizzlies) ในปี 2023 คือจุดเปลี่ยนสำคัญ ไม่ใช่แค่ในแง่เสื้อทีม แต่คือ “บทใหม่” ที่สะท้อนว่า แม้ทีมที่เติบโตมากับเขา จะเดินหน้าสู่เส้นทางใหม่ แต่สมาร์ทยังคงเป็นนักรบ ที่ทีมใดก็อยากมีในสนาม ยามที่สถานการณ์ชุลมุน [2]

กริซลีส์ต้องการใครสักคน ที่มีทั้งพลังใจ การป้องกัน และความเป็นผู้นำ ซึ่งพวกเขาเคยหวังจากดิลลอน บรูคส์ (Dillon Brooks) และสูญเสียไป สมาร์ทจึงกลายเป็น “เสาหลักที่มีรอยแผล” เป็นผู้ใหญ่ในทีม ที่เต็มไปด้วยพลังวัยรุ่นแบบ จา โมแรนท์ (Ja Morant), จาเรน แจ็คสัน จูเนียร์ (Jaren Jackson Jr.)

และเดสมอนด์ เบน (Desmond Bane) นี่ไม่ใช่ครั้งแรก ที่สมาร์ทต้องเริ่มใหม่ แต่คืออีกครั้ง ที่เขาจะพิสูจน์ว่า DNA ของการเป็นนักสู้ ไม่ต้องการแฟลช หรือโลโก้ทีมใหญ่ แค่ต้องการเวลา สักครึ่งควอเตอร์ และโอกาสที่จะได้ลงไปป้องกัน คนที่เก่งกว่า

ผู้นำในเงา พลังเงียบที่ขับเคลื่อนทั้งทีม

แฮนด์เชก คนสุดท้าย

สมาร์ทไม่ใช่ผู้นำ ที่โพสต์สื่อบ่อย ไม่ใช่คนที่โดนกล้องจับบ่อย เวลาให้สัมภาษณ์ เหมือน เลอบรอน เจมส์ (LeBron James) หรือสตีเฟน เคอร์รี่ (Stephen Curry) แต่ทุกทีมที่สมาร์ทอยู่ ต่างรู้ดีว่าเขาคือ “ผู้ควบคุมจังหวะอารมณ์ของทีม” ทำให้เพื่อนลุกขึ้นมาตอบโต้เกม ที่กำลังแย่

สมาร์ทอาจไม่ใช่คน ที่ลงท้ายด้วยคำว่า “All-Star” แต่เมื่อทุกอย่างในทีมเริ่มแตก ทีมที่ไม่มีวัฒนธรรมการป้องกัน แบบกริซลีส์ในตอนนี้ การมีสมาร์ทจึงเหมือนการวาง “เครื่องเตือนภัย” ไว้ในสนาม ใครก็ตามที่ไม่วิ่ง จะถูกเขากระตุ้นทันที ด้วยการเล่นที่บอกว่า “เรายังไม่แพ้ จนกว่าจะยอมแพ้”

แม้บทบาทในกริซลีส์จะเริ่มเข้าที่ แต่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2025 สมาร์ทถูกส่งต่อไปยังทีมวิซาร์ดส์ ในฐานะส่วนหนึ่งของดีล ปรับโครงสร้างทีมขนานใหญ่ของกริซลีส์ ซึ่งสะท้อนถึงความจริง อันโหดร้ายในโลกบาสยุคใหม่ แม้แต่ผู้เล่นที่แบกรับหัวใจเกมไว้ ก็อาจกลายเป็นเพียงหมาก ที่ต้องขยับอีกครั้ง [3]

บทเรียนจากสมาร์ทสำหรับคนดู และเยาวชน

บาสยุคนี้กำลังเลื่อนไปสู่การ “เล่นให้สวย” แต่สิ่งที่มาร์คัส สมาร์ทสอนเรา คือคุณไม่จำเป็นต้องดูดี ถ้าคุณทำให้ทีมดีขึ้น เขาทำให้เรารู้ว่าความสำเร็จ ไม่จำเป็นต้องมาพร้อมการจบสกอร์ แต่บางที อาจเริ่มจากการยอมล้มตัวลงกับพื้น เพื่อแย่งบอล

สำหรับเยาวชนที่อยากเป็นนักบาส สมาร์ทคือบทพิสูจน์

  • คุณไม่ต้องมีพรสวรรค์เหนือมนุษย์ แค่ต้องทำสิ่งที่คนอื่นไม่อยากทำ
  • คุณไม่ต้องเป็นคนเด่น แต่ต้องเป็นคนที่เพื่อนเชื่อใจยามคับขัน
  • คุณไม่ต้องทำแต้มเยอะ แค่ต้องทำให้ทีมได้แต้ม จากจังหวะที่คุณสร้าง

บทสรุป แฮนด์เชก คนสุดท้าย สะเก็ดไฟที่ไม่เคยมอด

ท้ายที่สุด “มาร์คัส สมาร์ท” ไม่ใช่ไฟฉายดวงใหญ่ ที่ส่องนำทีมเสมอไป เขาคือสะเก็ดไฟ ที่อาจดูเล็ก แต่จุดติดได้เมื่อทุกอย่างดับมืด และในโลกบาสเกตบอลยุคใหม่ ที่ขับเคลื่อนด้วยความสวยงาม ความเยือกเย็น และสถิติที่ไร้หัวใจ เขายังคงเดินอยู่ในสนาม ด้วยเสียงฝีเท้าที่ดังแบบคนรุ่นก่อน

ทำไมมาร์คัส สมาร์ทถึงถูกเรียกว่าแฮนด์เชกคนสุดท้าย ?

เพราะเขาคือหนึ่งในผู้เล่นไม่กี่คน ที่ยังเล่นด้วยสไตล์ดั้งเดิม แบบยุค hand-check era เน้นการปะทะ การอ่านเกม และพลังใจ มากกว่าความสวยงามของไฮไลต์ หรือสถิติที่ดีบนกระดาษ

อะไรทำให้สมาร์ท แตกต่างจากผู้เล่นยุคใหม่ส่วนใหญ่ ?

ผู้เล่นยุคใหม่มักถูกขัดเกลาให้ดูดี มีสไตล์ แต่สมาร์ททำตรงข้าม เขาหยาบกระด้าง ยุ่งเหยิง แต่นั่นแหละคือพลังที่แท้จริง ของบาสเกตบอลแบบดั้งเดิม ที่ยังมีหัวใจอยู่

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง