
เสาหลักเกมรับ เดรย์มอนด์ กรีน ผู้เสียงดังที่ทีมขาดไม่ได้
- Harry P
- 68 views
เสาหลักเกมรับ เดรย์มอนด์ กรีน นักบาสที่เสียงดังกว่าใคร และคิดเร็วกว่าที่คนดูจะวิเคราะห์ทัน เขาคือเสาหลักของระบบเกมรับ ที่ซับซ้อน เคร่งครัด และเปลี่ยนเกมได้จริง ไม่ใช่ด้วยท่าสแลมดังก์ หรือสามแต้ม แต่มาจาก การอ่านเกมที่เฉียบขาด และการสื่อสารที่ทั้งสนามต้องฟัง
เสาหลักเกมรับ เดรย์มอนด์ กรีน (Draymond Green) ถูกดราฟต์ในอันดับที่ 35 เมื่อปี 2012 โดยวอร์ริเออร์ส ไม่มีใครคาดคิดว่าเด็กจาก Michigan State คนนี้ จะกลายเป็นผู้เล่น ที่สร้างมาตรฐานใหม่ ให้กับคำว่า “defensive anchor” ของทีมยุคใหม่ [1]
กรีนไม่ได้มีรูปร่างสูงใหญ่ เท่าพาวเวอร์ฟอร์เวิร์ดยุคก่อนๆ ไม่ได้กระโดดสูง แบบซูเปอร์สตาร์ ไม่ได้ยิงแม่นแบบสตีเฟน เคอร์รี แต่เขามี “สมอง” ที่คมเหมือนมีเรดาร์ ประจำสนาม เขาอ่านทุกจังหวะได้ไว วางตำแหน่งได้ดี และกล้าสั่งเพื่อน แม้จะอยู่ในจังหวะที่บีบสุดขีด
หลายคนเคยบ่นว่าเขา เสียงดังเกินไป หรือชอบหาเรื่อง แต่สำหรับวอร์ริเออร์สแล้ว เสียงนั้นคือ “การจัดระเบียบเกมรับ” และนั่นคือสิ่งที่ไม่มีใครแทนได้
ในฤดูกาล 2024–25 ที่เพิ่งจบไป กรีนยังคงเป็นจุดศูนย์กลาง ของเกมรับวอร์ริเออร์ส แม้ร่างกาย จะไม่ฟิตเต็มร้อยเหมือนยุคก่อน และมีปัญหา เรื่องการฟาวล์บ่อยขึ้น แต่การมีเขาอยู่ในสนาม จะทำให้ทีมป้องกันได้ “เป็นระบบ” มากขึ้นทันที
โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับช่วงที่เขา ติดโทษแบน 5 เกม เมื่อต้นฤดูกาลที่ผ่านมา สถิติ Defensive Rating ของทีม พุ่งสูงกว่า 10 หน่วย ในช่วงที่ไม่มีเขา และหลายครั้งที่วอร์ริเออร์ส ปล่อยให้คู่แข่ง ทะลุเข้ามาทำแต้มได้ง่ายๆ
เพียงเพราะไม่มีคนสั่งเพื่อน หรือคนอ่านจังหวะให้ แบบที่กรีนเคยทำ นี่คือหลักฐานที่ชัดเจนว่า เกมรับที่ไร้เดรย์มอนด์ กรีนคือเกมรับ ที่ไร้โครงสร้าง
ถ้าเทียบกับเสาหลักเกมรับ ในยุคเดียวกันอย่างรูดี้ โกแบร์ (Rudy Gobert) หรือแบม อเดบาโย (Bam Adebayo) กรีนอาจไม่เด่นเรื่องการบล็อก หรือรีบาวด์เฉลี่ย แต่เขาเป็น “ผู้สั่งการ” ที่คนอื่นไม่มี
กรีนคือคนที่ “พูดตรง” แบบไม่เลือกเวลา และมักจะกระทบเพื่อนร่วมทีมอยู่บ่อยๆ เหตุการณ์ที่เขา ทะเลาะกับ เควิน ดูแรนต์ จนกลายเป็นข่าวดัง ในปี 2018 ทำให้หลายคนมองว่าเขา เป็นชนวนของความแตกแยก
แต่ถ้ามองในอีกมุม กรีนคือคนที่กล้าพูด ในสิ่งที่คนอื่นไม่กล้า แม้จะเสี่ยงขัดใจซูเปอร์สตาร์ หรือสร้างบรรยากาศตึงเครียดในทีม แต่เขาก็เลือกจะพูด เพราะเชื่อว่า ทีมที่ดี ต้องกล้าพูดความจริงกัน
เมื่อเวลาผ่านไป หลายคนก็ออกมายอมรับ ว่าแม้จะร้อนแรง แต่กรีนคือคนที่ ผลักให้ทุกคน เล่นด้วยมาตรฐานสูงสุดเสมอ เขาอาจจะดุ แต่ไม่เคยปล่อยให้ใครย่ำอยู่กับที่
“We’re here to play basketball and we’re going to do just that” – จอร์แดน พูล (Jordan Poole) เคยให้สัมภาษณ์ หลังจบฤดูกาล 2022 [2]
คำพูดนี้มาจากการสัมภาษณ์ หลังเกมที่พูล ถูกถามถึงความสัมพันธ์กับกรีน ซึ่งแม้จะเคยมีประเด็นปะทะกัน ในแคมป์ฝึกซ้อมต้นฤดูกาล 2022–23 แต่เขายืนยันว่ากรีน คือผู้นำที่กระตือรือร้น และการตะโกนของเขา คือแรงผลักดัน ไม่ใช่การแสดงความเกลียดชัง
อย่าดูแค่การบล็อก หรือสตีล ให้ดูที่การเคลื่อนที่ ก่อนบอลจะมา และกรีนคือครูฝึกที่ดีที่สุด ให้คุณได้เรียนรู้จุดนี้
ถ้าคุณเป็นโค้ช หรือผู้เล่นรุ่นใหม่ ลองย้อนดู tape เกมที่วอร์ริเออร์ส ป้องกันทีมระดับท็อป เช่น Suns, Nuggets หรือ Lakers ให้โฟกัสที่เบอร์ 23 ไม่ใช่คนที่ถือบอล แล้วคุณจะเห็นว่า หลายครั้งที่คู่แข่งตัดสินใจพลาด เพราะกรีน “บีบจังหวะ” ตั้งแต่ยังไม่ได้ครองบอล
หลายคนมองว่ากรีน คือตัวป่วน ทั้งในสนาม และในข่าว ทะเลาะกับเพื่อน ทะเลาะกับกรรมการ โดนแบนอยู่บ่อยๆ แต่ในอีกมุมหนึ่ง นี่คือวิธีควบคุมอารมณ์เกม ในแบบของเขา
เขาสร้างความวุ่นวายอย่างมีแผน เพื่อเบี่ยงโมเมนตัมของเกม เพื่อทำให้ทีมคู่แข่งเสียจังหวะ เพื่อปั่นให้สตาร์อีกฝั่ง “หลุดโฟกัส” ไปจากเกม
ถ้าคุณดูการแข่งของวอร์ริเออร์ส มานานพอ คุณจะเริ่มแยกออกว่า เมื่อไหร่ที่กรีน “หัวร้อนจริง” กับเมื่อไหร่ที่เขา “ทำเหมือนหัวร้อน” เพื่อทำลายจังหวะอีกฝั่ง มันคือเกมจิตวิทยาที่ซับซ้อน และเขาเล่นมัน เหมือนเล่นหมากรุก
มรดกของกรีน ไม่ใช่เรื่องตัวเลข เขาไม่เคยติด All-NBA First Team ไม่เคยเป็น MVP แต่เขาคว้าแชมป์ 4 สมัย มี All-Defensive Team 8 ครั้ง [3]
เขากลายเป็นหนึ่งในผู้เล่น ที่เปลี่ยนความเข้าใจของคน ต่อคำว่า เกมรับ ไปตลอดกาล ในวันที่ลีกเน้นการรุก กรีนคือเสียงที่ตะโกนให้โลกรู้ว่า “การป้องกัน” ก็เปลี่ยนเกมได้เช่นกัน และนั่นคือมรดกของเขา ไม่ใช่ถ้วยรางวัล แต่คือวิธีเล่นบาสที่มีสมอง มีเสียง และมีความกล้า
สรุปแล้ว กรีนยังคงยืนอยู่ ในตำแหน่งเสาหลักการป้องกัน แม้จะมีช่วงที่เขาอารมณ์ร้อน จนทีมเสียจังหวะ แต่วอร์ริเออร์สก็ยังเลือก ที่จะยืนข้างเขา เพราะรู้ว่า หากไม่มีเสียงของกรีน ทีมจะไม่มีใคร “บัญชาการแนวรับ” ได้ดีเท่าเขา เสียงของกรีนอาจรบกวนหูคนดู แต่สำหรับทีม มันคือ GPS ของทั้งสนาม
เพราะเขาไม่ได้แค่ป้องกัน แต่เป็นผู้สั่งการเกมรับทั้งระบบ เขาคือคนที่ตะโกนบอกเพื่อน ให้เปลี่ยนจุดยืน สลับประกบ หรือปรับแผนแบบเรียลไทม์ เป็นเหมือนโค้ชในสนาม ที่ทำให้เกมรับ มีโครงสร้าง ไม่ใช่แค่แอ็กชันรายบุคคล
เริ่มจากการดูวิธีการเคลื่อนที่ก่อนบอลมาถึง เขาอ่านเกมล่วงหน้าอยู่ตลอด เลือกตำแหน่งก่อนเกิดอันตราย และใช้เสียง สั่งให้เพื่อนหมุนระบบตามเขา ลองดูเกมที่เขาดวลกับทีมระดับสูง แล้วโฟกัสที่หมายเลข 23 จะเข้าใจเกมรับระดับสูงมากขึ้น แบบที่ไม่เห็นจากสถิติ