แหล่งรวมเกมส์ชั้นนำ สล็อต คาสิโน บาคาร่า พร้อมระบบล้ำทันสมัย รวดเร็วทันใจ

เรื่องจริง ของสุนัข สุดจิ๊ด เหล่าสี่ขาที่ใช้ชีวิตอย่างมีสไตล์

เรื่องจริง ของสุนัข สุดจิ๊ด

เรื่องจริง ของสุนัข สุดจิ๊ด ในยุคที่โซเชียลมีเดีย ทำให้เรารู้จัก “ตัวตน” ของสุนัขได้ลึกกว่าแค่คำว่า “เพื่อนที่ดีที่สุดของมนุษย์” ความจริงก็คือ สุนัขจำนวนไม่น้อย ไม่ได้ใช้ชีวิตเพียงแค่รอเจ้าของกลับบ้าน แต่มันมีบทบาท มีคาแรกเตอร์ มีเส้นทางชีวิตเป็นของตัวเอง อย่างเหลือเชื่อ

  • เรื่องราวของสุนัขที่มีชื่อเสียงจากทั่วโลก
  • สุนัขนักบำบัดใจ และฮีโร่ในสนามรบ
  • สุนัขที่เป็นผู้ช่วยตรวจสอบความปลอดภัยทางไซเบอร์

ไซบีเรียนสายดาร์ก หล่อเหลาแต่ขี้วีน มีคดีติดตัว

เรื่องจริง ของสุนัข สุดจิ๊ด

หนึ่งในสายพันธุ์ที่มีทั้งคนรัก และคนกลัว ในเวลาเดียวกันคือ ไซบีเรียนฮัสกี้ ด้วยใบหน้าที่เหมือนใส่อายไลเนอร์ ตลอดเวลา รูปลักษณ์ที่เหมือนหลุดออกมา จากปกนิตยสาร แต่หลายตัวกลับเป็น ไซบีเรียน สายดาร์ก ในคราบนายแบบ พวกมันฉลาดแบบมีเล่ห์เหลี่ยม และบางครั้งหูทวนลม ก็เป็นทักษะติดตัว

มีกรณีจริงจากญี่ปุ่น ไซบีเรียนชื่อ “ยูกิ” ถูกเจ้าของรายงาน ว่าหนีออกจากบ้านไปถึง 17 ครั้งในรอบ 1 ปี โดยแต่ละครั้ง มีการวางแผนเปิดประตูรั้ว ด้วยขาหน้า และจมูกอย่างแม่นยำ บางครั้งก็หลอกแมวเพื่อนบ้าน ให้ปีนขึ้นไปเปิดให้ หรือแม้กระทั่ง ล่อให้คนส่งของเปิดประตู แล้ววิ่งฉิวออกมา

ยูกิไม่ได้หนีเพราะกลัวเจ้าของ แต่มันหนีเพราะอยาก “ออกไปหาเพื่อนเล่น” ที่สวนสาธารณะ โดยจะกลับบ้านเองตอนค่ำ ทุกครั้ง นี่ไม่ใช่พฤติกรรมของสุนัข ที่สับสน แต่มันคือไซบีเรียนสายติสต์ ที่ต้องการพื้นที่ และอิสระมากกว่าคำว่า “เลี้ยงในบ้าน”

จากข้างถนน สู่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย

ในขณะที่ไซบีเรียนบางตัว มีไลฟ์สไตล์เป็นของตัวเอง สุนัขอีกกลุ่ม กลับเริ่มต้นจาก “ศูนย์” แต่เปลี่ยนโชคชะตา ด้วยแรงกายแรงใจล้วนๆ อย่างกรณีของ “แบล็กโก้” หมาจร แต่มีจ๊อบ จากโคลอมเบีย ที่กลายเป็น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ของปั๊มน้ำมัน

จากสุนัขที่เคยขอเศษอาหารข้างถนน แบล็กโก้เริ่มเข้ามาป้วนเปี้ยน แถวปั๊มแห่งหนึ่ง ในเมืองบูคารามังกา จนพนักงานเริ่มให้อาหาร และที่นอนชั่วคราว แต่สิ่งที่ทำให้แบล็กโก้ ต่างออกไปคือ มันเริ่มเห่าเตือนรถ ที่จอดผิดเลน ติดตามคนแปลกหน้า ที่ทำท่าทางน่าสงสัย และเดินตรวจตราปั๊มรอบดึก

เจ้าของปั๊ม จึงตัดสินใจออกบัตรประจำตัวพนักงาน ให้แบล็กโก้ อย่างเป็นทางการ พร้อมมอบเสื้อยูนิฟอร์ม และสิทธิ์ ในการกินขนมฟรีตลอดชีวิต กลายเป็น “สุนัขจรจัดที่มีงานมั่นคง” โดยปัจจุบันแบล็กโก้ มีเพื่อนสุนัขอีก 2 ตัวร่วมงาน และมีผู้ติดตามในอินสตาแกรม มากกว่า 50,000 คน

จากสุนัขธรรมดา สู่ซูเปอร์โมเดลในวงการแฟชั่น

หากพูดถึง สุนัขสายแฟ ตัวพ่อ ในวงการแฟชั่น จะขาดติก้า อิ๊กกี้ “Tika the Iggy” ไปไม่ได้เลย สุนัขพันธุ์อิตาเลียนเกรย์ฮาวด์จากแคนาดา ที่มีชีวิต เหมือนหลุดออกมาจาก รันเวย์ปารีสแฟชั่นวีค

ติก้าเริ่มมีชื่อเสียง จากการใส่เสื้อผ้าดีไซน์เก๋ๆ ลงบน Instagram โดยเจ้าของซึ่งเป็นดีไซเนอร์เสื้อผ้าให้สุนัข ได้ใช้ติก้าเป็นนายแบบประจำแบรนด์ แต่สิ่งที่ทำให้ติก้าโดดเด่นคือ การโพสท่าทาง และอินเนอร์โมเดล แบบมืออาชีพ ที่ใครเห็นก็ต้องยอมใจ [1]

แบรนด์แฟชั่นระดับโลกอย่าง Dior, Moschino และ Fendi ต่างก็เคยส่งของมาให้ติก้า ใส่ถ่ายแบบ และมีครั้งหนึ่ง ที่มันปรากฏตัวในโชว์รูมของ Balenciaga ผ่านไลฟ์สตรีม จนแฟนๆ เรียกติดปากว่า “เจ้าพ่อแฟชั่นแห่งโลกสุนัข”

สุนัขนักบำบัดใจ ฮีโร่ในโรงพยาบาล และสนามรบ

เรื่องจริง ของสุนัข สุดจิ๊ด

เบื้องหลังแววตาอ่อนโยน และหางที่กระดิกเบาๆ มีสุนัขจำนวนไม่น้อย ที่ทำหน้าที่ “นักบำบัด” (Therapy Dog) ให้กับผู้ป่วย เด็กพิเศษ หรือแม้กระทั่งทหารผ่านศึก ที่เผชิญ PTSD (ภาวะเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนใจ)

หนึ่งในตัวอย่างสุดจิ๊ดคือ จ่าสตับบี้ “Sergeant Stubby” สุนัขจรจัดจากสหรัฐฯ ที่กลายเป็นฮีโร่ตัวจริง ในสงครามโลกครั้งที่ 1 สตั๊บบี้ไม่เพียงช่วยเตือนภัย จากแก๊สพิษ ให้กับทหารในค่ายเท่านั้น แต่ยังเคยจับสายลับเยอรมันได้ ขณะพยายามลอบเข้าแนวรบ ของฝ่ายสัมพันธมิตร [2]

ในยุคปัจจุบัน เรื่องจริงของซิกกี้ “Ziggy” สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ จากอังกฤษ ซิกกี้เป็นสุนัขนักบำบัด ในแผนกผู้ป่วยโรคซึมเศร้า ในโรงพยาบาลจิตเวช โดยสังเกตอารมณ์คนไข้ ผ่านภาษากาย หากพบว่าใคร มีแนวโน้มจะถอยห่างจากคนอื่น ซิกกี้จะไปนั่งใกล้ๆ หยิบของเล่นมาให้ เพื่อให้รู้ว่า “ยังมีอีกตัว ที่อยู่ตรงนี้”

สุนัขสายแฮ็กเกอร์ เทคโนโลยีที่สุนัขเข้ามาร่วมวง

เรื่องนี้อาจฟังดูเหลือเชื่อ แต่เป็นเรื่องจริง ที่กำลังเกิดขึ้น สุนัขในบางประเทศกำลังมีบทบาท ในการ “ตรวจสอบความปลอดภัยไซเบอร์” ด้วยระบบฝึกอบรมที่อาศัยกลิ่น และพฤติกรรมเฉพาะ

เช่นในประเทศเบลเยียม มีการฝึกสุนัขให้ดมค้นหา อุปกรณ์ USB, microchip หรือโทรศัพท์ที่ถูกซ่อน โดยเฉพาะ ในคดีล่วงละเมิดทางออนไลน์ และการลักลอบเข้าข้อมูล

สุนัขเหล่านี้ ได้รับการฝึกให้รู้จัก กลิ่นสารประกอบ ในชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ระดับจุลภาค และสามารถดมพบฮาร์ดดิสก์ ที่ซ่อนไว้ในกล่องรองเท้า หรือใต้พื้นได้อย่างแม่นยำ [3]

เคสจริงที่สุนัขช่วยปิดคดีล่วงละเมิดเด็ก

หนึ่งในเคส ที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดคือ “URL” สุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ จากรัฐยูทาห์ สหรัฐฯ ที่ช่วย FBI พบหลักฐานสำคัญ ในคดีล่วงละเมิดเด็ก โดยดมเจอ thumb drive ที่ถูกฝังในกล่องอาหารแมว

URL ไม่ได้ “แฮ็ก” แต่ช่วยมนุษย์ “ปิดคดี” ในโลกที่ความจริงซ่อนอยู่ลึก และเล็กยิ่งกว่าเหรียญหนึ่งบาทเสียอีก

เราจึงสรุปได้ว่า สุนัขไม่ใช่แค่สัตว์เลี้ยงธรรมดาอีกต่อไป

ข้อสรุป เรื่องของสุนัขสุดจิ๊ด สะท้อนถึงสภาพสังคมโลก ที่เปลี่ยนไปอย่างน่าสนใจ ทั้งหมดนี้คือเรื่องจริง ที่ถูกถ่ายทอด ผ่านสายตาของคนรักสุนัขทั่วโลก ที่บันทึกเรื่องราวของเพื่อนสี่ขา ที่เคยถูกมองเป็นแค่สัตว์เลี้ยง ตอนนี้หลายตัว กลายเป็นผู้มีอิทธิพลทางสังคม ผู้มีรายได้ และผู้มีไลฟ์สไตล์ ไม่แพ้มนุษย์

สุนัขพันธุ์ไหนที่ทั้งหล่อและ “แสบ” จนมีคดีติดตัวบ่อยครั้ง ?

ไซบีเรียนฮัสกี้ แม้หน้าตาจะเหมือนนายแบบ แต่หลายตัวกลับฉลาดแบบมีเล่ห์เหลี่ยม ตัวอย่างเช่น “ยูกิ” ที่วางแผนหลบหนีจากบ้านถึง 17 ครั้งในปีเดียว ไม่ใช่เพราะกลัว แต่เพราะอยาก “ไปเล่นกับเพื่อน” ที่สวนสาธารณะ

สุนัขตัวไหนจากข้างถนน ที่ได้กลายเป็นพนักงานจริงจัง ?

“แบล็กโก้” สุนัขจรจัดจากโคลอมเบียที่กลายเป็น เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของปั๊มน้ำมัน ด้วยความสามารถ ในการตรวจตรา เห่าเตือนภัย และติดตามคนแปลกหน้า จนได้รับเสื้อยูนิฟอร์ม และสิทธิ์ขนมฟรีตลอดชีวิต

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง