
เซนเตอร์ แบม อเดบาโย ป้อมปราการหัวใจพอยต์การ์ด
- Harry P
- 72 views
เซนเตอร์ แบม อเดบาโย (Bam Adebayo) ไม่ใช่แค่เซนเตอร์ ที่ตั้งรับอยู่ใต้แป้น แต่คือผู้เล่น ที่สามารถจ่ายบอล จากจุดสูงสุดของวงให้ทีมเดินเกมได้ เขาเป็นเหมือน “ป้อมปราการ” ที่ไม่ใช่แค่แข็งแรง แต่ยังมีหัวใจแบบพอยต์การ์ด มองเห็นเกมไว อ่านทางเร็ว และรู้ว่าควรส่งบอล ไปที่ใครจังหวะไหน
เอบาเมเด โอเดลล์ “แบม” อเดบาโย (Edrice Femi “Bam” Adebayo) เกิดเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 1997 ในเมืองนิวอาร์ก รัฐนิวเจอร์ซีย์ ก่อนจะย้ายไปเติบโต ที่นอร์ทแคโรไลนา เขาเติบโตมากับคุณแม่เพียงลำพัง ในบ้านรถพ่วง และผ่านวัยเด็กที่ลำบาก แต่เต็มไปด้วยวินัย [1]
แบมมุ่งมั่นใช้กีฬาบาสเกตบอล เป็นทางออกจากความยากจน เขากลายเป็นดาวรุ่งของโรงเรียนไฮสคูล ในรัฐนอร์ทแคโรไลนา และได้รับทุน จากมหาวิทยาลัยเคนทักกี (Kentucky) ซึ่งถือเป็นแหล่งบ่มเพาะ NBA All-Star หลายคน หลังจากโชว์ผลงานที่โดดเด่นในปีแรก เขาตัดสินใจเข้าสู่ NBA Draft ปี 2017
เขาถูกไมอามี่ ฮีท (Miami Heat) ดราฟต์ในอันดับที่ 14 แม้ช่วงแรก จะไม่ใช่ตัวจริงถาวร แต่แบมก็ค่อยๆพัฒนาทักษะเฉพาะตัว ทั้งในเกมรับ และเกมรุก จนกลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ฮีทวางใจที่สุด ไม่ใช่แค่เพราะพละกำลัง แต่เพราะสมอง ความเข้าใจเกม และความนิ่งที่หาได้ยาก ในผู้เล่นตำแหน่งเซนเตอร์ [2]
จากผู้เล่นรับธรรมดา สู่คนคุมเกมแนวหน้า แบมเริ่มต้นจากการเป็นผู้เล่นเกมรับ ที่ใช้พละกำลังล้วนๆ กับทีมฮีท แต่โค้ชเอริก สโปลสตรา (Erik Spoelstra) เห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่ลึกกว่านั้น คือวิสัยทัศน์ที่เฉียบคม และความสามารถ ในการอ่านการเคลื่อนไหว ของเพื่อนร่วมทีม
เขาเริ่มได้รับบทบาทมากขึ้น ในการถือบอลบริเวณ high post หรือในจังหวะ elbow action เพื่อจ่ายบอลให้ผู้เล่น ที่อยู่ริมเส้นวิ่งตัดเข้าวงใน หรือส่งบอลแบบ hand-off ให้เพื่อนร่วมทีมยิงสามแต้ม
ในช่วงเวลาหนึ่ง แบมไม่ได้เป็นแค่ผู้เล่น ที่รอรับคำสั่งอีกต่อไป แต่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของเกมบุก ในหลายรูปแบบของทีม
ในฤดูกาล 2024–25 แบมยังคงเป็นหัวใจของเกม ทั้งรุก และรับของไมอามี่ ฮีทในช่วงที่ จิมมี่ บัตเลอร์ มีอาการบาดเจ็บต่อเนื่อง แบมคือคนที่ทีมต้องพึ่งพา ในการครองบอล เดินเกม และรับมือกับแนวรุกของคู่แข่ง ที่บุกเข้ามาไม่หยุด
ค่าเฉลี่ย assist ของเขา ยังคงอยู่ในระดับสูง สำหรับผู้เล่นตำแหน่งเซนเตอร์ และเขายังติดอันดับต้นๆ ในด้าน “passes made per game” สำหรับผู้เล่นตัวใหญ่ สิ่งนี้ยืนยันว่าเขา ไม่ได้จ่ายแค่เพื่อแก้เพลย์ แต่คือคนวางจังหวะให้ทั้งทีม [3]
แบมไม่ได้เล่นได้ครบเครื่อง เท่าโยคิช ในแง่ของการคุมเกม หรือจ่ายบอลที่ซับซ้อน ในหลายเลเยอร์ แต่เขามี “มิติของความรวดเร็ว” ที่โยคิชไม่มี เขาไม่ได้เล่นเพื่อควบคุม tempo ให้ช้าลงอย่างมั่นคงเหมือนโยคิช แต่เล่นเพื่อระเบิด momentum ในจังหวะ hand-off ที่มาพร้อมการตั้ง screen ในเฟรมเดียวกัน
สิ่งที่แบมทำได้ดี ไม่ใช่แค่การจ่าย แต่คือ “การตัดสินใจเร็ว” เขาไม่ถือบอลนาน ไม่ลังเล และกล้าจ่ายในจังหวะที่หลายคน ไม่กล้าเสี่ยง การตัดสินใจของเขา มักเกิดขึ้นภายใน 1–2 วินาทีหลังรับบอล ซึ่งสร้างแรงกระเพื่อม ให้ระบบทีมรุกไม่หยุดนิ่ง และบีบให้แนวรับ ต้องตอบสนองทันที
ถ้าคุณเป็นโค้ช หรือผู้เล่นรุ่นใหม่ แล้วอยากเรียนรู้จากเขา ให้ดูจังหวะที่เขา hand-off แล้วรีบตั้ง screen ต่อทันที โดยไม่ปล่อยให้แนวรับตั้งตัว หรือดูว่าเขา อ่านกองหลังจากสายตา peripheral vision อย่างไร แล้วเลือกจ่ายไปยังจุด ที่ช่องว่างกำลังจะเปิด ไม่ใช่แค่ที่เปิดอยู่แล้ว
จุดเด่นของแบมคือ “การตัดสินใจเชิงรุก” ที่เกิดขึ้นแบบไม่ต้องลังเล เขาทำให้เกมดำเนินไปด้วยความเร็ว แต่ยังคงสมดุล และแม่นยำ ซึ่งเป็นคุณสมบัติหายาก สำหรับผู้เล่นตำแหน่งเซนเตอร์
ยุคก่อน เซนเตอร์ต้องยืนปักหลัก ยกมือบล็อก ยัดห่วงเท่านั้น
พวกเขาเป็นผู้เล่นที่ยืนป้องกันอยู่ใต้แป้น ทำหน้าที่เป็นเครื่องจักร ในเรื่องพละกำลัง และวัดผลจากจำนวนบล็อก หรือรีบาวด์เป็นหลัก การอ่านเกม หรือการจ่ายบอล มักไม่ใช่สิ่งที่คาดหวัง จากตำแหน่งนี้
ยุคนี้ เซนเตอร์ต้องยืนสูง เห็นสนาม และตัดสินใจ
เซนเตอร์ยุคใหม่ไม่ใช่แค่กำแพง แต่ต้องเป็นเสมือน “จุดศูนย์กลาง” ของทั้งเกมรุก และเกมรับ พวกเขาต้องมองเห็น จังหวะการเคลื่อนไหว ของเพื่อนร่วมทีม วางแผนตอบสนองแนวรับ และมีบทบาทคล้ายพอยต์การ์ด ที่อยู่ในร่างของผู้เล่น ที่สูงสองเมตรขึ้นไป
แบมคือจุดตัดของทั้งสองยุคนั้น เพราะเขายังมีพลังแบบ old-school big man แต่มีสมองแบบ modern facilitator และนี่ทำให้เขาไม่ได้เป็นแค่ “ผู้เล่น” แต่เป็นจุดเปลี่ยนทางแนวคิด ในวงการบาสเกตบอล
จึงกล่าวได้ว่า แบมคือเซนเตอร์ ที่โลกควรเรียนรู้ เขาเป็นผู้เล่น ที่นิยามของตำแหน่งเซนเตอร์ ไม่สามารถอธิบายได้ทั้งหมด เพราะเขาทำให้ทั้งระบบทีม เคลื่อนไหวได้ เป็นคนกลางที่ไม่แย่งซีน แต่กลับขับเคลื่อนทุกเพลย์ เป็นป้อมปราการ ที่ไม่เพียงแค่ป้องกัน แต่สามารถเปิดเกมได้ เหมือนพอยต์การ์ด
เพราะเขาไม่ได้แค่ยืนรอป้องกันใต้แป้น แบบเซนเตอร์ดั้งเดิม แต่สามารถอ่านเกม จ่ายบอล และเริ่มเกมบุก ได้จากจุดสูงสุดของวงรอบนอก ซึ่งเป็นบทบาท ที่คล้ายกับพอยต์การ์ด ในร่างของเซนเตอร์
ให้เริ่มจากการดูจังหวะ hand-off แล้วสังเกตว่าเขา ไม่ถือบอลนาน กล้าจ่ายก่อนที่ช่องว่างจะเปิด และรีบตั้ง screen ทันทีหลังจ่าย สิ่งเหล่านี้คือตัวอย่างของ “การตัดสินใจเชิงรุก” ที่แบมทำได้แม่นยำในระดับสูง