สุดยอดกองหน้า Sergio Aguero ในตำนานของเรือใบสีฟ้า

สุดยอดกองหน้า Sergio Aguero ซึ่งถือว่าเป็นนักฟุตบอล ผู้เก่งกาจของ Manchester City Football Club อีกหนึ่งคน ที่ดำรงตำแหน่ง เป็นผู้เล่นกองหน้า ให้กับทีมสโมสรเรือใบสีฟ้า โดยสุดยอดนักเตะ ตัวระดับขั้นเทพคนนี้ เขามีฟอร์มและทักษะ ในการเล่นฟุตบอลที่ยอดเยี่ยม ซึ่งวันนี้เราจะพามารู้จักกับ นักเตะกองกลาง ผู้แข็งแกร่งคนนี้กัน

ข้อมูลที่สำคัญของ อดีตนักเตะกองหน้าAguero
จุดเริ่มต้นในการเข้าสู่ วงการฟุตบอล ของนักเตะAguero
ผลงานที่ได้รับ และความภาคภูมิใจ ของนักเตะAguero

เปิดประวัติของ สุดยอดกองหน้า Sergio Aguero

ซึ่งสำหรับนักเตะกองหน้าคนนี้ เขาคืออดีตกองหน้า ชาวอาร์เจนตินา ที่ได้รับการยกย่อง ให้เป็นหนึ่งในนักเตะดาวยิงที่เก่งกาจ และสุดยอดที่สุดของโลก พร้อมกับเป็นอดีตนักเตะ ในตำนานของสโมสร แมนเชสเตอร์ซิตีอีกด้วย โดยเขาเป็นที่รู้จัก จากความสามารถ ในการทำประตูที่เฉียบขาด และเป็นเจ้าของสถิติ ดาวซัลโวตลอดกาล ของสโมสรอีกด้วย

โดยปัจจุบันเขาได้เลิกเล่น ฟุตบอลอาชีพไปแล้ว โดยเขาได้ประกาศ ยุติบทบาท การเป็นนักฟุตบอลมืออาชีพ อย่างเป็นทางการ ไปเมื่อวันที่ 15 เดือนธันวาคม ปีคริสต์ศักราช 2021 ในช่วงวัยอายุ 33 ปี เนื่องจากเขามีปัญหา ด้านสุขภาพ เกี่ยวกับภาวะหัวใจ เต้นผิดจังหวะ หลังจากที่ตรวจพบ ในระหว่างช่วงที่เขา ลงเล่นให้กับสโมสร Barcelona นั่นเอง

ประวัติส่วนตัวของ นักเตะกองหน้าAguero

ซึ่งอดีตนักฟุตบอล ผู้ดำรงตำแหน่งกองหน้าคนนี้ เขามีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “Sergio Leonel Aguero del Castillo” และมีชื่อเล่นที่แฟนบอล นิยมเรียกกันสั้นๆ ว่า “Aguero” เป็นต้น โดยอดีตนักเตะAguero เกิดเมื่อวันที่ 2 เดือนมิถุนายน ปีคริสต์ศักราช 1988 โดยเกิดที่เมือง Buenos Aires ในประเทศ Argentina นั่นเอง (28 เมษายน 2025) [1]

โดยอดีตนักเตะAguero กองหน้าผู้เก่งกาจคนนี้ เขาเป็นนักฟุตบอล ชาวอาร์เจนตินา ที่มีแฟนบอลรู้จัก และชื่นชอบในตัวเขาอยู่ทั่วโลก ซึ่งปัจจุบันเขาอายุ ได้ประมาณ 37 ปีแล้ว และเขาจะมีลักษณะรูปร่างที่สมส่วน โดยเขาจะสูงอยู่ที่ประมาณ 173 เซนติเมตร และเขาเป็นอดีตนักฟุตบอล ที่ลงเล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้านั่นเอง

นักเตะกองหน้าAguero เข้าสู่สโมสรฟุตบอล มืออาชีพได้อย่างไร

ซึ่งอดีตนักเตะAguero เขาได้เริ่มต้นเข้าสู่เส้นทาง วงการฟุตบอลอาชีพ ด้วยการเข้าร่วมทีมเยาวชน กับทีมสโมสร Independiente ในประเทศอาร์เจนตินา มาตั้งแต่ที่เขา พึ่งอายุเพียงแค่ 9 ขวบ โดยเขาเป็นเด็ก ที่มีทักษะการเล่น ฟุตบอลที่ยอดเยี่ยม จึงทำให้เขาได้รับการผลักดัน ขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของทีมสโมสร Independiente อย่างรวดเร็ว

และได้ลงสนามนัดแรกเมื่อวันที่ 5 เดือนกรกฎาคม ปีคริสต์ศักราช 2003 ในช่วงอายุเพียง 15 ปี จึงทำให้เขากลายเป็นผู้เล่น ที่มีอายุน้อยที่สุด ในประวัติศาสตร์ ที่ได้ลงเล่นในลีกสูงสุด ของอาร์เจนตินา และเขายังทำลายสถิติเดิมของ Diego Maradona ได้อีกด้วย และหลังจากนั้น เขาก็สามารถสร้างผลงาน ที่ยอดเยี่ยมได้อย่างต่อเนื่อง ในทีมชุดใหญ่

โดยเขาสามารถทำประตู ได้มากมายในช่วงฤดูกาลแข่งขันปีที่ 2005-2006 ซึ่งฟอร์มการเล่นของเขา ได้ไปเตะตาสโมสรใหญ่ ในยุโรปหลายแห่ง จนในที่สุดเขาก็ได้ย้าย ไปร่วมทีมสโมสร Atletico de Madrid ด้วยค่าตัว 20 ล้านยูโร ในปีคริสต์ศักราช 2006 ซึ่งถือว่าเป็นก้าวแรก ที่เขาได้เข้าสู่เส้นทาง อาชีพฟุตบอลระดับโลกนั่นเอง (27 พฤศจิกายน 2025) [2]

นักเตะSergio Aguero เข้าสู่สโมสรแมนซิตีได้อย่างไร

ซึ่งหลังจากที่นักเตะAguero ได้สร้างชื่อเสียงอย่างมาก จากการเล่น 5 ฤดูกาลที่ Atletico de Madrid และกลายเป็นหนึ่ง ในกองหน้าที่เนื้อหอมที่สุดในยุโรป แมนเชสเตอร์ซิตี ซึ่งเพิ่งได้เจ้าของสโมสรใหม่ ที่มีกำลังทรัพย์มหาศาล และต้องการยกระดับทีม เพื่อคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ได้แสดงความสนใจอย่างจริงจัง และได้มีการเจรจาค่าตัว

โดยในช่วงปลาย เดือนกรกฎาคม 2011 สโมสรแมนซิตีได้บรรลุข้อตกลง กับสโมสรAtletico de Madrid ด้วยค่าตัวที่เป็นสถิติสโมสร อยู่ที่ประมาณ 35-38 ล้านปอนด์ จากนั้นเขาซึ่งกำลังมองหา ความท้าทายใหม่ และต้องการย้ายออกจาก สโมสรAtletico de Madrid โดยได้พูดคุยกับเพื่อน ร่วมทีมชาติอาร์เจนตินาอย่าง Pablo Zabaleta นั่นเอง

ซึ่งช่วยโน้มน้าวให้เขามั่นใจว่าแมนซิตี เป็นสโมสรที่มีความสุข และมีศักยภาพที่จะคว้าถ้วยรางวัลใหญ่ และการเซ็นสัญญา เขาเดินทางมาถึงเมืองแมนซิตี และเข้ารับการตรวจร่างกายพร้อมกับเซ็นสัญญาระยะยาว 5 ปีกับสโมสร เรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ซิตี อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2011 นั่นเอง

นักเตะAguero ช่วยพาทีมแมนเชสเตอร์ซิตี คว้าแชมป์อะไรได้บ้าง

ซึ่งนักเตะกองหน้าคนนี้ เขาได้มีช่วยในการพาทีมสโมสร คว้าแชมป์ต่างๆ โดยมีดังต่อไปนี้คือ เขาช่วยพาทีมคว้าแชมป์ Premier League มาได้มากถึง 6 สมัยในฤดูกาลแข่งขันปีที่ 2017-2018, 2018-2019, 2020-2021, 2021-2022, 2022-2023 และปี 2023-2024 นั่นเอง

และช่วยพาทีมคว้าแชมป์ FA Cup มาได้อีก 4 สมัยในฤดูกาลแข่งขันปีที่ 2018-2019, 2022-2023, 2023-2024, 2024-2025 นั่นเอง และเขาได้พาทีมคว้าแชมป์ EFL Cup มาได้อีก 4 สมัย ในฤดูกาลแข่งขันปีที่ 2017-2018, 2018-2019, 2019-2020, 2020-2021 และพาทีมคว้าแชมป์ FA Community Shield มาได้อีก 2 สมัย

ในฤดูกาลแข่งขันปีที่ 2018, 2019 รวมถึงคว้าแชมป์ UEFA Champions League มาได้อีก 2 สมัยในฤดูกาลแข่งขันปี 2022-2023, 2020-2021 กับคว้าแชมป์ UEFA Super Cup มาได้ 1 สมัย ในฤดูกาลแข่งขันปี 2023 รวมถึงคว้าถ้วยรางวัล FIFA Club World Cup มาครอบครองได้อีก 1 สมัย ในปีการแข่งขัน 2023 เป็นต้น

เรื่องราวที่น่าภูมิใจ และกลายเป็นตำนาน ของนักเตะAguero

ซึ่งทางสโมสรแมนเชสเตอร์ซิตี ได้สร้างรูปปั้นของ นักเตะAgueroขึ้นมา เพื่อฉลองครบรอบ 10 ปีของประตูชัยในตำนานที่ยิงใส่ Queens Park Rangers Football Club ในฤดูกาล 2011-12 ซึ่งเป็นประตูที่พลิกประวัติศาสตร์ ของสโมสรอย่างสิ้นเชิง (13 พฤษภาคม 2022) [3]

โดยถือเป็นประตูตัดสินแชมป์ ในนาทีที่ 93:20 ของการแข่งขัน ในนัดสุดท้ายของฤดูกาล ซึ่งทำให้แมนซิตีเอาชนะ QPR ไป 3-2 และคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก มาครองได้สำเร็จด้วยผลต่างประตู ได้เสียที่ดีกว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คู่แข่งร่วมเมือง ซึ่งประตูนี้ช่วยให้ “เรือใบสีฟ้า” ได้แชมป์ลีกสูงสุด เป็นครั้งแรกในรอบ 44 ปีนั่นเอง

และชัยชนะครั้งนั้นถือ เป็นจุดเริ่มต้นของยุคแห่งความสำเร็จของแมนซิตีในพรีเมียร์ลีก ซึ่งนำไปสู่การคว้าแชมป์ลีก อีกหลายสมัยและรายการอื่นๆ ในเวลาต่อมา โดยประตู “Agueroooo” กลายเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่โดดเด่น และน่าจดจำที่สุด ในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก และเป็นสัญลักษณ์ของ ความสำเร็จของสโมสรเป็นต้น

บทสรุป เกี่ยวกับสุดยอดกองหน้า Sergio Aguero

จึงกล่าวได้ว่า สำหรับสุดยอดกองหน้าSergio Aguero อดีตกองหน้าในตำนาน ของสโมสรแมนเชสเตอร์ซิตีคนนี้ เขาได้อยู่กับแมนเชสเตอร์ซิตี เป็นระยะเวลา 10 ปี โดยตั้งแต่ปี 2011 ถึง 2021 และลงเล่นไปทั้งหมด 390 นัด ในทุกรายการ ส่วนการสร้างรูปปั้นรูปปั้นของเขา ถือการยกย่องเขา ในฐานะผู้สร้างตำนาน และวีรบุรุษของสโมสร นั่นเอง

สโมสรฟุตบอลแห่งแรก ของนักเตะAguero คือสโมสรอะไร ?

ซึ่งสโมสรแห่งแรก ของนักเตะAguero ก็คือสโมสรทีมฟุตบอล “ Independiente” โดยนักเตะAguero ได้เข้าร่วมทีมเยาวชนตั้งแต่อายุ 9 ขวบ และก้าวขึ้นสู่ ทีมชุดใหญ่ของสโมสรแห่งนี้ ในเวลาต่อมานั่นเอง