
สปีด เหนือไทม์ไลน์ ผู้หลุดจากกฎของเวลา
- Harry P
- 37 views
สปีด เหนือไทม์ไลน์ ไทรีส แม็กซีย์ไม่ได้เดินตามไทม์ไลน์ ที่ใครวางไว้ให้ ในเกมบาสที่เต็มไปด้วยตัวเลข สถิติ และแผนที่ถูกขีดไว้ล่วงหน้า เขาวิ่งข้ามมัน หยอกล้อมัน และทำให้ทุกวินาทีที่ผ่านไป ดูเหมือนถูกบิดเบือน ไปจากกฎธรรมชาติ เขาเป็นคนที่ “เร็วกว่า” แผนการของระบบ อย่างไม่เกรงใจเวลา
สปีด เหนือไทม์ไลน์ “ไทรีส แม็กซีย์” (Tyrese Maxey) ถูกเลือกในลำดับที่ 21 ของดราฟต์ปี 2020 เป็นตัวเลข ที่ไม่ได้แสดงศักยภาพของเขาเลย แม้แต่น้อย
เพราะในปี 2023-24 แม็กซีย์คือ All-Star คือผู้นำเกมรุกของทีม และคือความหวังใหม่ของฟิลาเดลเฟีย เซเวนตี้ซิกเซอร์ส (Philadelphia 76ers) หลังจากการจากไปของเจมส์ ฮาร์เดน [1]
สิ่งที่ทำให้แม็กซีย์น่าจับตา ไม่ใช่แค่ “สปีด” แต่คือความสามารถ ในการควบคุมสปีดนั้น ราวกับเป็นนักเต้นบัลเลต์ ที่เหยียบเบรก ในจังหวะที่คนอื่นพึ่งเหยียบคันเร่ง การเร่ง และการผ่อนของเขา ไม่ใช่เพียงกายภาพ แต่มันมีจังหวะภายใน เหมือนเขาฟังเพลง ที่ไม่มีใครได้ยิน แล้วเต้นตามมันอย่างอิสระ
แม็กซีย์ต่างจากผู้เล่นเร็ว แบบไร้ทิศทาง ที่เราพบได้บ่อย เขาคือผู้เล่นที่มีสปีด แต่ไม่เร่งเกินจังหวะของเกม เขาสามารถทำให้กองหลัง เสียสมดุลได้ แม้ในพื้นที่ ที่ดูไม่มีอะไรจะเกิดขึ้น การเปลี่ยนสปีดของเขานั้น นิ่มนวลแต่รุนแรง พอๆกับการกระชากคลัตช์ ในรถซูเปอร์คาร์ ที่กำลังเข้าโค้งแคบ
“เขาไม่ได้แค่เร็วกว่า แต่เขาจัดระเบียบความเร็วได้” – โค้ช Nick Nurse กล่าวถึงแม็กซีย์ [2]
ลองเปรียบเทียบ กับผู้เล่นระดับเดียวกัน อย่างเช่น พ่อมด สายส่อง จอร์แดน พูล (Jordan Poole) หรือคอลลิน เซ็กซ์ตัน (Collin Sexton) ที่แม้จะมีสปีดใกล้เคียง แต่ความแตกต่างคือ แม็กซีย์สามารถทำให้ทั้งเกม วิ่งไปในจังหวะของเขา ในขณะที่อีกสองคน มักจะวิ่งตามเกม และตกเป็นเหยื่อของมัน
แม็กซีย์ไม่ได้เป็นแค่ “มือขวา” ของโจเอล เอ็มบีด (Joel Embiid) อีกต่อไป เมื่อฟิลาเดลเฟีย เซเวนตี้ซิกเซอร์สเลือกเสริมทีมด้วย พอล จอร์จ (Paul George) และเปลี่ยนแปลงระบบ ให้กลมกลืนมากขึ้น บทบาทของแม็กซีย์ในตอนนี้ คือผู้ควบคุมเกม ไม่ใช่แค่คนเร่งจังหวะ
เขาคือผู้จัดเพลย์ อ่านการป้องกัน และเลือกว่าควรใช้สปีดหรือไม่ เขาสร้างความสมดุลระหว่างการเล่นเร็ว กับการรอจังหวะที่ดีที่สุด ในการเปิดเพลย์ ซึ่งช่วยให้เกมของทีม มีมิติมากขึ้น และลดภาระ การแบกเกมของเอ็มบีดลง อย่างเห็นได้ชัด
สิ่งที่น่าสนใจคือ เขากำลังเปลี่ยนจาก “พอยต์การ์ดกึ่งๆ” ไปเป็น Floor General เต็มตัว ในแบบของตัวเอง ไม่ใช่แบบคลาสสิกอย่างคริส พอล หรือแบบแปลกโลก อย่างไครี เออร์วิง แต่เป็นพอยต์การ์ดที่ “ควบคุมเกมผ่านพลังงาน” ไม่ใช่แค่ IQ [3]
แม็กซีย์ไม่เคยให้สัมภาษณ์ ในเชิงลบ ไม่เคยมีดราม่าภายในทีม และมักแสดงพลังบวก ในทุกจังหวะ ไม่ว่าจะกำลังแพ้ หรือชนะ สิ่งนี้ไม่ค่อยถูกพูดถึงมากนัก แต่ใน NBA ที่เต็มไปด้วยอารมณ์ ความขัดแย้ง และแรงกดดัน
ความมั่นคงทางอารมณ์ และความสุข ในการเล่นของแม็กซีย์ คือสิ่งที่ประหลาด ที่ทำให้เขายังเติบโตต่อไปได้ แบบไม่ถูกเผาผลาญ จากไฟรอบตัว
“คนแบบนี้แหละ ที่คุณอยากสร้างทีมด้วยในระยะยาว” – คำพูดจาก Daryl Morey ประธานฝ่ายบริหาร Philadelphia 76ers
สิ่งหนึ่งที่แยกแม็กซีย์ ออกจากผู้เล่นสายสปีดทั่วไป คือการรู้ว่า “เมื่อไหร่ควรช้า” ในเกมที่ทุกคนเร่งเร้า เขาสามารถชะลอเกม ให้ทันตัวเองก่อน แล้วค่อยเร่งให้คนอื่นตามทัน
ความสามารถนี้ เป็นทักษะที่หลายคนมองข้าม แต่เป็นหัวใจของการเล่นที่มั่นคง ในระยะยาว หากคุณเป็นคนที่เคลื่อนไหวเร็วในชีวิต ลองสังเกตดูว่า คุณได้ปล่อยให้ตัวเองมีช่วงหายใจ และอ่านเกมรอบข้างบ้างหรือยัง
แม็กซีย์คือแบบอย่างของคนที่โตเร็ว ในสภาพแวดล้อม ที่ไม่เอื้อ เขาเข้าลีกมาโดยไม่มีสิทธิพิเศษใดๆ ต้องพิสูจน์ตัวเอง ตั้งแต่วันแรก และรับบทบาทสำคัญ เร็วกว่าที่ใครคาดไว้ หากคุณเป็นคนที่ได้รับโอกาส เร็วกว่าเพื่อน หรือถูกคาดหวังเกินวัย ให้ดูแม็กซีย์เป็นตัวอย่าง คนที่ไม่หวั่นไหวต่อแรงกดดัน
เขาไม่ได้เปลี่ยนตัวเอง ให้กลมกลืนกับความคาดหวัง แต่เลือกที่จะยืนหยัด ในจังหวะของตัวเอง ใช้สปีดที่มีอยู่ ให้กลายเป็นจังหวะใหม่ สร้างพื้นที่ของตนเอง ในเกมที่ไม่มีใครเตรียมบท ให้เขาเล่นมาก่อน
สิ่งสำคัญคือ : อย่าวิ่งตามไทม์ไลน์ของคนอื่น ถ้าคุณมีสปีดของตัวเอง
สรุปแล้ว แม็กซีย์ไม่ใช่แค่ผู้เล่นที่เร็ว แต่คือผู้ที่ “หลุดจากกฎของเวลา” เขาใช้พลังของความเร็ว เพื่อสร้างพื้นที่ในโลก ที่แคบลงทุกวินาที ในลีกที่ใครๆ ก็พูดถึง “พรสวรรค์” แม็กซีย์คือเครื่องพิสูจน์ว่า จังหวะภายใน และหัวใจที่มั่นคง สามารถพาเราไปไกลกว่าแค่ การตามเวลาที่โลกบอกว่าควรจะเป็น
แม็กซีย์ไม่ได้แค่เร็ว แต่เขาควบคุมสปีดได้อย่างแม่นยำ เขาใช้ความเร็วแบบมีจังหวะ ทำให้เกมทั้งเกมไหลตามเขา ต่างจากผู้เล่นสายสปีดทั่วไป ที่มักถูกเกมลากไปตามอารมณ์ หรือสถานการณ์
ความเป็นคน “คิดบวก” และสุขภาพจิตใจ ที่มั่นคงของเขา แม็กซีย์ไม่เคยสร้างดราม่า และมักสร้างพลังบวกในห้องแต่งตัว ซึ่งในโลก NBA ที่มีแรงกดดันสูง นี่คือคุณสมบัติที่หายาก และส่งผลต่อความยั่งยืนของทีม ได้อย่างมาก