ทำความรู้จักกับ วิคเตอร์ โมเสส อดีตปีกขวา ชาวไนจีเรีย

วิคเตอร์ โมเสส อดีตปีกขวา

วิคเตอร์ โมเสส อดีตปีกขวา นับว่าเป็นนักเตะชาวไนจีเรีย มีช่วงอาชีพที่เชลซีซึ่งเต็มไปด้วยการผกผันอย่างน่าทึ่ง แม้จะเคยถูกปล่อยยืมตัวหลายครั้ง แต่เขากลับมาสร้างชื่อเสียงอย่างยิ่งใหญ่ภายใต้การคุมทีมของอันโตนิโอ คอนเต้ ในบทบาทที่ไม่คุ้นเคยคือวิงแบ็กขวา การปรับบทบาทนี้เองที่ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญในการพาเชลซีคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2016-2017

  • เจาะลึกที่มาของแข้งระดับตำนานของเชลซี
  • แชมป์และรางวัลที่คว้ามาได้
  • การแจ้งเกิดในพรีเมียร์ลีก และก้าวแรกสู่เวทีใหญ่

เปิดเรื่องราวของ วิคเตอร์ โมเสส เป็นแบบไหน

โดยจุดเริ่มต้นของวิคเตอร์ โมเสส (Victor Moses) เกิดเมื่อในวันที่ 12 เดือนธันวาคม 1990 ในเมือง Kaduna ของประเทศไนจีเรีย โดยเขาคือตำนานผู้ที่มีความอดทน และการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญในอาชีพค้าแข้ง หลังถูกส่งออกไปแบบยืมตัวถึงสามครั้ง ในช่วงต้นของการอยู่กับทีมเชลซี

ชีวิตของเขาพลิกผันอย่างสิ้นเชิง เมื่อโค้ชอย่าง อันโตนิโอ คอนเต้ เปลี่ยนให้เขาเป็นวิงแบ็กขวาตัวหลัก ในระบบ 3-4-3 ซึ่งเป็นแกนนำให้ทีมคว้าแชมป์ลีก เรื่องราวนี้เป็นเครื่องพิสูจน์ถึง ความสามารถในการปรับตัว และความมุ่งมั่นที่นำไปสู่ความสำเร็จสูงสุด ทั้งในระดับสโมสรและในทีมชาติไนจีเรีย รวมไปจนถึงอังกฤษ (12 ตุลาคม 2025) [1]

เส้นทางจากไนจีเรีย สู่การเริ่มต้นใหม่ในอังกฤษ และเรื่องของค่าตัว

โดยแข้งรายนี้นั้น เริ่มต้นชีวิตใหม่ในอังกฤษในฐานะผู้ลี้ภัย ตั้งแต่อายุ 11 ขวบ หลังเผชิญโศกนาฏกรรมในไนจีเรีย โดยอาศัยฟุตบอลเป็นเครื่องนำทาง เขาพัฒนาตัวเองจากศูนย์ฝึกของทีมคริสตัล พาเลซ ก่อนจะย้ายไปแจ้งเกิดในพรีเมียร์ลีกกับวีแกน แอธเลติก ด้วยค่าตัวประมาณ 2.5 ล้านปอนด์

นอกจากนี้ เส้นทางนี้เป็นจุดเริ่มต้นให้เชลซีทุ่มเงินราว 9 ล้านปอนด์เพื่อคว้าตัวเขาในปี 2012 ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญของการก้าวขึ้นสู่ระดับสูงสุด ของวงการฟุตบอลอังกฤษ อีกทั้ง เจ้าตัวทำรายได้รวมตลอดอาชีพการค้าแข้ง อยู่ราวประมาณ 45 ล้านปอนด์ (2025) [2]

เส้นทางแห่งเกียรติยศของวิคเตอร์ โมเสส เป็นแบบใด

  • ผลงานและรางวัลที่ได้รับของโมเสส ช่วยพาทีมเชลซี คว้าแชมป์ลีกสูงสุดอย่าง พรีเมียร์ลีก 1 สมัย ตั้งแต่ฤดูกาล 2016-2017
  • ช่วยพาทีมคว้าแชมป์ เอฟเอคัพ 1 สมัย ในปี 2018
  • และสุดท้ายช่วยพาทีมคว้าแชมป์ ยูโรปาลีก 2 สมัย ในฤดูกาล 2012-2013 และ 2018-2019

ที่มา: Victor Moses (2025) [3]

ช่วงเวลาสำคัญที่สร้างชื่อเสียง ให้โมเสสในเวทีโลก

วิคเตอร์ โมเสส อดีตปีกขวา

สำหรับเขาคือหนึ่งในการเป็นกำลังสำคัญ ของทีมชาติไนจีเรียชุดคว้าแชมป์ Africa Cup of Nations (AFCON) ในปี 2013 ซึ่งเป็นความสำเร็จระดับทวีปที่ตอกย้ำ ถึงการตัดสินใจเล่นให้กับประเทศบ้านเกิดของเขา แต่จุดที่สร้างชื่อเสียงในระดับสโมสร และเป็นที่จดจำมากที่สุดคือ ฤดูกาล 2016-2017 กับทีมเชลซี ภายใต้การคุมทีมของอันโตนิโอ คอนเต้

คอนเต้พลิกบทบาทเขาจากปีกขวาตัวรุก ที่ถูกมองข้ามให้เป็นวิงแบ็กขวาตัวหลัก ในระบบ 3-4-3 เขาแสดงให้เห็นถึงความอึด ความเร็ว และความเข้าใจในบทบาทใหม่ ทำงานอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยตลอดริมเส้นขวา

บทบาทนี้เป็นจุดเปลี่ยนอาชีพ ที่ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่ขาดไม่ได้ และมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการนำพาเชลซี คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ ในฤดูกาลนั้น

การเริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอล และการแจ้งเกิดในพรีเมียร์ลีก

ซึ่งเส้นทางอาชีพนักฟุตบอลของวิคเตอร์โมเสส เริ่มต้นจากการเข้าร่วมอะคาเดมี่ของทีมคริสตัล พาเลซที่อังกฤษ หลังเป็นผู้ลี้ภัยตั้งแต่วัยเด็ก เขาได้ประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่ ด้วยวัยเพียง 16 ปี ในศึกแชมเปี้ยนชิพ โดยมีทักษะการเลี้ยงบอลที่โดดเด่น และสัญชาตญาณในเกมรุก เช่นเดียวกันกับ ฌอน ไรท์ฟิลลิปส์ ที่เป็นนักเตะระดับตำนานเหมือนกัน

โดยการแจ้งเกิดของเขาในลีกสูงสุด เกิดขึ้นเมื่อเขาย้ายไปอยู่กับทีม วีแกน แอธเลติก ในช่วงปี 2010 ซึ่งทำให้เขามีโอกาสลงเล่นอย่างสม่ำเสมอในพรีเมียร์ลีก ภายใต้การคุมทีมของ โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ เขาได้พัฒนาจากปีกดาวรุ่ง ไปเป็นนักเตะที่มีอิทธิพลต่อเกมอย่างแท้จริง

ผลงานอันยอดเยี่ยมตลอด 2 ฤดูกาลครึ่งที่วีแกน โดยเฉพาะการเป็นผู้เล่นตัวหลัก ที่ช่วยให้ทีมรอดพ้นการตกชั้น ได้ดึงดูดความสนใจจากสโมสรชั้นนำ ความสำเร็จที่วีแกนคือใบเบิกทางสำคัญ ที่ทำให้สโมสรยักษ์ใหญ่อย่างเชลซี ตัดสินใจทุ่มเงินคว้าตัว เขามาร่วมทีมในปี 2012

ผลงานบนเส้นทางลูกหนังของวิคเตอร์ โมเสส มีอะไรบ้าง

ผลงานเชิงตัวเลขในสนาม ที่เล่นให้กับทีมฟุตบอลอาชีพ

  • เมื่อปี 2007-2010 ค้าแข้งให้กับทีม คริสตัล พาเลซ ลงเล่นไป 58 นัด ประตูที่ทำได้ 11 ลูก
  • เมื่อปี 2010-2012 ค้าแข้งให้กับทีม วีแกน แอธเลติก ลงเล่นไป 74 นัด ประตูที่ทำได้ 8 ลูก
  • เมื่อปี 2012-2021 ค้าแข้งให้กับทีม เชลซี ลงเล่นไป 87 นัด ประตูที่ทำได้ 7 ลูก
  • เมื่อปี 2013-2014 ค้าแข้งให้กับทีม ลิเวอร์พูล (ยืมตัว) ลงเล่นไป 19 นัด ประตูที่ทำได้ 1 ลูก
  • เมื่อปี 2014-2015 ค้าแข้งให้กับทีม สโต๊ค ซิตี้ (ยืมตัว) ลงเล่นไป 19 นัด ประตูที่ทำได้ 3 ลูก
  • เมื่อปี 2015-2016 ค้าแข้งให้กับทีม เวสต์แฮม ยูไนเต็ด (ยืมตัว) ลงเล่นไป 21 นัด ยิงไป 1 ลูก
  • เมื่อช่วงปี 2019-2020 ค้าแข้งให้กับทีม เฟเนร์บาห์เช่ (ยืมตัว) ลงเล่นไป 20 นัด ยิงไป 5 ประตู
  • เมื่อช่วงปี 2020 ค้าแข้งให้กับทีม อินเตอร์ มิลาน (ยืมตัว) ลงสนามไป 12 เกม
  • เมื่อช่วงปี 2020-2021 เล่นให้กับทีม สปาร์ตัก มอสโก (ยืมตัว) ลงสนามไป 19 เกม ซับไป 4 ประตู
  • เมื่อช่วงปี 2021-2024 เล่นให้กับทีม สปาร์ตัก มอสโก ลงสนามไป 51 เกม ซับไป 5 ประตู
  • และสุดท้ายเมื่อปี 2024-2025 เล่นให้กับทีม ลูตัน ทาวน์ ลงสนามไป 5 เกม ซับไป 1 ประตู

ตัวเลขผลงานที่พิสูจน์ฝีเท้า ในการเล่นให้กับทีมชาติ อังกฤษและไนจีเรีย

  • เมื่อในปี 2005 เล่นให้กับทีมชาติอังกฤษ รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี ลงสนามไป 1 เกม
  • เมื่อในปี 2006-2007 รุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ลงสนามไป 15 เกม ซับไป 9 ประตู
  • เมื่อในปี 20208-2009 รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ลงสนามไป 12 เกม ซับไป 2 ประตู
  • เมื่อในปี 2010 รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ลงสนามไป 1 เกม
  • และเมื่อในปี 2012-2018 เล่นให้กับทีมชาติไนจีเรีย ลงสนามรวมทุกรายการ อยู่ทั้งหมด 38 เกม ยิงไป 12 ประตู

บทสรุปเรื่องของ วิคเตอร์ โมเสส อดีตปีกขวา

บทส่งท้ายเกี่ยวกับ วิคเตอร์โมเสส อดีตปีกขวา ถือว่าเป็นอีกหนึ่งในนักเตะที่โดดเด่น ในบทบาทปีกขวา ภายใต้การนำของอันโตนิโอ คอนเต้ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญ ที่ทำให้เชลซีคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก เรื่องราวของเขานั้น จึงเป็นบทสรุปของความมุ่งมั่น และความสามารถในการปรับตัวที่ผลักดัน ให้นักฟุตบอลคนหนึ่งก้าวข้ามทุกอุปสรรค จนประสบความสำเร็จอย่างสูง ในระดับสโมสรและทีมชาติ

บทบาทสำคัญในระบบของทีมเชลซี เป็นยังไง

บทบาทสำคัญที่สุดของเจ้าตัวในทีมเชลซี คือการเป็นวิงแบ็กขวาในระบบ 3-4-3 ของอันโตนิโอ คอนเต้ เขาต้องรับผิดชอบทั้งเกมรุก และเกมรับตลอดแนวปีกขวา ทำให้ทีมมีความสมดุล และพลังงานในการเปลี่ยนจากรับเป็นรุกได้อย่างรวดเร็ว การเปลี่ยนบทบาทครั้งนี้ ถือเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เชลซี คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2016-2017 นั่นเอง

โมเสสกับความยืดหยุ่น ที่ทำให้กลายเป็นนักเตะสำคัญของทีม

โดยความยืดหยุ่นคือคุณสมบัติที่พลิกชีวิตโมเสส เมื่อเขายอมรับการเปลี่ยนบทบาทจากปีกตัวรุก มาเป็นวิงแบ็กขวาอย่างสมบูรณ์ ภายใต้ระบบของคอนเต้ เขานำเอาความเร็วและความสามารถในการเลี้ยงบอล มาผสานเข้ากับวินัยเกมรับ ทำให้เกิดความสมดุลที่สำคัญยิ่ง ต่อกลยุทธ์ของทีมเชลซี

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง