
ยักษ์ แห่งบอสเนีย ที่ต้องวิ่งทวนลมของเกมยุคใหม่
- Harry P
- 88 views

ยักษ์ แห่งบอสเนีย ยูซุฟ นูร์คิช (Jusuf Nurkic) เมื่อความเร็ว กลายเป็นสกุลเงินใหม่ของ NBA แต่เขากลับใช้การยืนหยัดตอบโต้ เมื่อทุกคนวิ่ง นูร์คิชกลับเลือกเดินอย่างมั่นคง และเมื่อโลกเรียกร้องความเปลี่ยนแปลง เขากลับเลือก ที่จะยืนยันอยู่ในสิ่งที่เขาเชื่อ
เสียงวิจารณ์เกิดขึ้นแทบทุกครั้ง ที่ยูซุฟ นูร์คิชลงเล่น การเคลื่อนไหว ที่ดูช้ากว่ามาตรฐาน การเข้าประกบ ที่หลุดไปครึ่งจังหวะ หลายคนเริ่มตั้งคำถาม ถึงสภาพร่างกาย และความฟิตของเขา
แต่ในคืนที่ทีมชาติบอสเนียล้มทีมใหญ่ ทะลุรอบน็อกเอาต์ EuroBasket 2025 เป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี นูร์คิชคือศูนย์กลางของชัยชนะนั้น
เขาอาจไม่ใช่ผู้เล่น ที่โดดเด่นในยุค NBA ที่ยกย่องความเร็ว และความยืดหยุ่นสูง แต่ยูซุฟ นูร์คิชคือ “ยักษ์” ผู้ยืนหยัดอยู่กลางเกม ที่เปลี่ยนเร็วกว่าใคร และความเชื่องช้า ที่คนมองเห็น อาจซ่อนบางสิ่งที่ซับซ้อน และสำคัญกว่านั้น
ยูซุฟ นูร์คิชเกิดวันที่ 23 สิงหาคม ค.ศ. 1994 เขาเติบโตขึ้นในเมืองตูซลา ประเทศบอสเนีย และเฮอร์เซโกวีนา เป็นลูกชายของตำรวจร่างยักษ์ ที่สูงกว่า 7 ฟุต ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจเบื้องต้น ที่ทำให้เขาหันเข้าสู่โลกของกีฬา ที่ต้องใช้พละกำลัง อย่างบาสเกตบอล
เส้นทางของนูร์คิช เริ่มต้นจากลีกในโครเอเชีย ซึ่งเป็นเวทีที่เขาได้ฝึกฝนทักษะ และสร้างชื่อเสียง ก่อนจะเข้าสู่สายตาแมวมอง NBA จนถูกดราฟต์ในปี 2014 โดยชิคาโก บูลส์ แต่ยังไม่ทันได้สวมเสื้อ เขาก็ถูกเทรดไปยังเดนเวอร์ นักเก็ตส์ทันที
จากนักเก็ตส์ ไปพอร์ตแลนด์, ซันส์, ฮอร์เน็ตส์ และล่าสุดกับยูทาห์ แจ๊ซ ซึ่งเขาย้ายไปร่วมทีม ในช่วงเดือนมิถุนายน 2025 ชีวิตของนูร์คิช คือการเปลี่ยนทีม แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนคือ “เซนเตอร์สายคลาสสิก” ที่เขายังคงรักษาไว้ แม้โลกจะเปลี่ยน (16 กันยายน 2025) [1]

ในปี 2025 ทีมชาติบอสเนีย สามารถผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ในรายการ EuroBasket ได้เป็นครั้งแรก ในรอบกว่า 30 ปี โดยมีนูร์คิชเป็นส่วนสำคัญ ทั้งในแง่ของบทบาทในสนาม และการสนับสนุนเบื้องหลัง ในเกมกับจอร์เจีย เขาทำได้ 15 แต้ม 13 รีบาวด์ (4 กันยายน 2025) [2]
สถิติเหล่านี้ ทำให้เขาขยับขึ้นมาเป็นผู้เล่นอันดับ 5 ของบอสเนีย ที่ทำแต้มรวมสูงสุดในรายการ EuroBasket แม้โค้ชทีมชาติ จะให้สัมภาษณ์ว่าร่างกายของเขา ยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ แต่นูร์คิชก็ยังคงลงสนามต่อเนื่อง และมีบทบาท ในระบบของทีมตลอดการแข่งขัน
เมื่อเกมบีบให้ยักษ์ต้องวิ่ง
นูร์คิชไม่สามารถเล่นเกมเร็วได้ เหมือนเซนเตอร์รุ่นใหม่ ทำให้โค้ชต้องเลือก ว่าจะซ่อนเขาไว้ในระบบ หรือใช้ความแข็งแกร่งของเขา เป็นตัวแปรในบางแมตช์ นี่คือจุดที่เขา มักถูกวิจารณ์ว่าเป็น “ภาระในเกมเร็ว” แม้ในความจริง เขาอาจเป็นฟันเฟืองที่สำคัญ ในการควบคุมจังหวะเกม มากกว่าที่หลายคนเข้าใจ

ก่อนเกมกับกรีซ นูร์คิชกล่าวว่า “Giannis sucks when forced into jumpers” คำพูดนี้กลายเป็นไวรัล และกระตุกความรู้สึกของทั้งโลกบาส มันทั้งสร้างแรงกระตุ้นให้คู่แข่ง และเผยให้เห็น mindset ของนูร์คิช ในฐานะผู้ป้องกันที่กล้าท้าทาย
แต่คำพูดนี้ ก็ตามมาด้วยความคาดหวังมหาศาล และเมื่อนูร์คิช ไม่สามารถหยุด พลังอสูร แห่ง NBA อย่างยานนิส อันเททูคุมโปได้ทั้งหมด เขาก็กลายเป็นเป้าอีกครั้ง ในสื่อออนไลน์ (1 กันยายน 2025) [3]
นูร์คิชไม่ใช่แค่นักบาส แต่คือ “ผู้สนับสนุนทีมชาติแบบจริงจัง” เขาเคยช่วยออกค่าใช้จ่ายให้ทีมชาติบอสเนีย เมื่อสมาคมไม่มีงบประมาณเพียงพอ เคยพูดออกสื่อ เรื่องความไม่โปร่งใส ในการจัดการภายในสมาคม และแม้จะถูกโจมตี เขาก็ยังยืนหยัดในเสื้อทีมชาติ
นี่คือสิ่งที่ผู้ชมทั่วไปมักไม่รู้ ว่าการเป็น “ยักษ์ของชาติ” ไม่ใช่แค่เรื่องของฝีมือ แต่คือการแบกรับสิ่งที่ใหญ่กว่านั้น
การมองไปข้างหน้า ทางเลือก และความหวัง
ปัจจุบันเขาอยู่กับยูทาห์ แจ๊ซ ในฤดูกาล 2025-26 และกำลังเข้าสู่ช่วงท้ายของสัญญา คำถามคือ เขาจะสามารถอยู่รอด ในลีกที่เร็วขึ้นเรื่อยๆ นี้ได้อย่างไร แต่ถ้าเขาฟื้นฟูร่างกายได้เต็มที่ และมีระบบที่ใช้เขาในบทบาทที่เหมาะสม เขาก็ยังสามารถเป็นเซนเตอร์ตัวหลัก ในทีมเพลย์ออฟได้
นูร์คิชมีน้ำหนักที่มากกว่า 290 ปอนด์ เขาใช้ร่างกายได้ดีเยี่ยม ในการเบียดโพสต์ และป้องกันโซนใต้แป้น แต่ที่ทำให้เขาแตกต่าง จากเซนเตอร์สมัยก่อนคือ “การจ่ายบอล” และ “การอ่านเกม”
นูร์คิชสามารถทำ hand-off play กับการ์ดได้อย่างแม่นยำ มี IQ เกมสูง และเป็นนักรีบาวด์ ที่เก็บได้ทั้งสองฝั่ง จุดเด่นเหล่านี้ ทำให้เขากลายเป็นศูนย์กลาง ทั้งในระบบทีมชาติ และทีม NBA ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
บทเรียนที่ฝากไว้สำหรับโค้ช นักกีฬา และแฟนบาส
สุดท้าย ยักษ์ แห่งบอสเนีย “ยูซุฟ นูร์คิช” ไม่ใช่ผู้เล่นที่เพอร์เฟกต์ แต่เขาคือยักษ์ที่เข้าใจเกม และยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อทีม ไม่ว่าจะใน NBA หรือในเสื้อทีมชาติ ในวันที่เกมเดินเร็ว ความแข็งแกร่งทางร่างกาย และจิตใจของเขา อาจไม่ใช่คำตอบทั้งหมด แต่ในบางช่วง มันคือสิ่งที่เปลี่ยนผลแพ้ชนะได้จริง
นูร์คิชเป็นศูนย์กลางของระบบทั้งในเชิงแท็คติก และจิตใจ แม้สภาพร่างกายไม่สมบูรณ์เต็มร้อย แต่เขาก็ยังลงเล่น และทำผลงานได้โดดเด่นในเกมสำคัญ อย่างการเจอกับจอร์เจีย
มันแสดงถึง mindset ของยูซุฟ นูร์คิชที่กล้าท้าทาย แต่ก็เป็นดาบสองคม เพราะทำให้เขาต้องเผชิญแรงกดดันจากแฟนบาส และสื่อ หากผลงานไม่เป็นไปตามคำพูด

