
ยักษ์ ผู้หลับใหล ศักยภาพระดับภูเขาไฟที่ยังรอวันปะทุ
- Harry P
- 68 views

ยักษ์ ผู้หลับใหล เจมส์ ไวส์แมน (James Wiseman) คนที่ไม่เคยหมดพลัง แต่ในวันที่โลกหมุนเร็วขึ้น บางพรสวรรค์ก็อาจถูกลืมไว้ข้างหลัง และนี่คือบทความ ที่จะพาไปสำรวจความเป็นจริงของยักษ์ ที่กำลังจะตื่นขึ้นพร้อมเสียงคำราม ที่อาจเขย่าเกมใต้แป้นได้อีกครั้ง
เจมส์ ไวส์แมนเคยถูกมองว่าเป็น “เสาหลักแห่งอนาคต” ของตำแหน่งเซนเตอร์ใน NBA ตั้งแต่สมัยมัธยมปลาย เขาคือดาวรุ่งระดับ 5 ดาวจาก Memphis ผู้มีสรีระสูงใหญ่ แต่เคลื่อนไหวได้อย่างว่องไว ราวกับฟอร์เวิร์ด
ไวส์แมนครองอันดับท็อป ในการจัดอันดับคลาสดราฟต์ปี 2020 แทบทุกสำนัก ด้วยพรสวรรค์ทางร่างกายที่หายาก และสกิลเกม ที่ดูเหมือนจะพัฒนาได้อีกมาก ในคลาสดราฟต์ปีนั้น ทีมโกลเด้น สเตท วอร์ริเออร์ส (Golden State Warriors) ได้เลือกเขาเป็นอันดับ 2
โดยหวังจะปั้นเจมส์ ไวส์แมนให้เป็นแกนหลักยุคใหม่ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น กลับเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ทั้งอาการบาดเจ็บ การขาดประสบการณ์เกมระดับสูง และระบบทีม ที่ซับซ้อนเกินไป สำหรับผู้เล่นใหม่อย่างเขา จนทำให้ไวส์แมนไม่สามารถแจ้งเกิดได้ ตามความคาดหวัง (6 ตุลาคม 2025) [1]

ไวส์แมนกลับมาอยู่กับ อินเดียนา เพเซอร์ส (Indiana Pacers) หลังจากเซ็นสัญญาเมื่อเดือนกรกฎาคม 2025 และได้รับโอกาสอีกครั้ง ในช่วง Summer League กับทีมชุดสำรอง แม้จะมีบางช่วง ที่เขาแสดงศักยภาพ เช่น การบล็อกลูกกลางอากาศ หรือรีบาวด์ด้วยพลังมหาศาล
แต่การแย่งตำแหน่งกับ Isaiah Jackson และ Jalen Smith ทำให้โอกาสของเขา ยังไม่ชัดเจน ล่าสุดในช่วงพรีซีซันปี 2025 เพเซอร์สเผชิญปัญหา ผู้เล่นเซนเตอร์บาดเจ็บพร้อมกันถึง 2 คน ทำให้ชื่อของไวส์แมน ถูกพูดถึงอีกครั้ง ในฐานะ “โอกาสสุดท้าย” ที่เขาจะพิสูจน์ตัวเองบนเวที NBA อย่างแท้จริง
หากครั้งนี้เจมส์ ไวส์แมนทำได้ดี ในช่วงเปิดฤดูกาล 2025-26 โอกาสการมีสัญญาถาวร หรือการเปลี่ยนภาพลักษณ์จาก “ยักษ์ผู้หลับใหล” เป็น “ยักษ์ผู้ตื่นเต็มตัว” อาจเกิดขึ้นจริง (8 ตุลาคม 2025) [2]
ในคลาสดราฟต์ปี 2020 ไวส์แมนคือหนึ่งในเซนเตอร์ไม่กี่คน ที่ได้รับความสนใจระดับสูงสุด แต่เมื่อเวลาผ่านไป กลับมีผู้เล่นคนอื่นจากรุ่นเดียวกัน หรือรุ่นหลังอย่าง ออนเยก้า โอคองวู หรือจาเลน ดูเรน ที่แซงหน้าไปไกล เพราะพวกเขาได้รับโอกาสลงเล่นต่อเนื่อง และพัฒนาฝีมือได้ชัดเจนกว่า
ในแง่ของรูปแบบการเล่น ไวส์แมนมักถูกนำไปเปรียบเทียบกับ เสาหิน ใต้แป้น อย่างดีออนเดร เอย์ตัน ซึ่งมีจุดแข็งด้านร่างกาย แต่ยังขาดมิติทางแทคติก และความเข้าใจเกมในระดับลึก
หากเอย์ตันเป็นตัวอย่าง ของผู้เล่นที่มีศักยภาพ แต่ไม่สามารถพัฒนา ให้ถึงขีดสุดได้ ไวส์แมนก็อาจกำลังเดินบนเส้นทางเดียวกัน เพียงแต่ต่างกันตรงที่เขา ยังไม่เคยได้รับโอกาสลงสนามต่อเนื่องพอ ที่จะพิสูจน์ว่าเขาไปได้ไกลแค่ไหน

สิ่งหนึ่งที่หลายคนมองข้ามคือ ผลกระทบทางจิตใจ เมื่อผู้เล่นวัยรุ่น ถูกร่างโดยทีมแชมป์ ที่มีระบบซับซ้อน และมีผู้เล่นระดับ MVP อย่างสตีเฟน เคอร์รี อยู่ในสนาม นั่นหมายความว่าไวส์แมน ถูกคาดหวังให้ปรับตัว เข้ากับระบบ read-and-react ทันที โดยไม่มีเวลาเรียนรู้แบบธรรมชาติ
นอกจากนี้ NBA ยุคปัจจุบัน ได้เปลี่ยนบทบาทของเซนเตอร์ จากผู้เล่นที่ยืนคุมใต้แป้นเป็นหลัก มาเป็นผู้เล่นที่ต้องเคลื่อนที่เร็ว คล่องตัว และเข้าใจจังหวะของเกมมากขึ้น การวิ่งสลับตำแหน่ง การป้องกัน pick-and-roll แบบ switch และการยืนระยะชู้ตไกล กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเซนเตอร์ยุคใหม่
ซึ่งเจมส์ ไวส์แมนยังไม่แสดงให้เห็นว่าเข้าใจ หรือปรับตัวเข้ากับสิ่งเหล่านี้ได้ดีพอ แม้เขาจะมีร่างกายที่เหมาะสม แต่เกมรับยุคใหม่ ไม่ได้วัดกันที่ความสูง หรือพละกำลังเพียงอย่างเดียว แต่อยู่ที่การอ่านเกม ความเข้าใจเชิงแทคติก และจังหวะการตัดสินใจ ซึ่งเขายังต้องเรียนรู้อีกมาก
ไวส์แมนเปิดตัวใน NBA เมื่อฤดูกาล 2020-21 ด้วยค่าเฉลี่ย 11.5 คะแนน 5.8 รีบาวด์ และ 0.9 บล็อกต่อเกม จากการลงเล่นเพียง 21.4 นาทีต่อเกมให้กับวอร์ริเออร์ส ซึ่งนั่นหมายความว่า หากคิดเป็น 36 นาที เขาสามารถทำแต้มระดับใกล้เคียง double-double ได้ในฐานะรุกกี้ ที่แทบไม่มีประสบการณ์
แม้เวลาผ่านไป สถิติในฤดูกาล 2024-25 ที่พึ่งเริ่มกับเพเซอร์ส เขาถูกส่งลงเล่นเกมแรก และทำไป 6.0 คะแนน, 1.0 รีบาวด์ ในเวลาอันจำกัด เป็นสัญญาณว่าโอกาสกำลังเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง แม้จะเล็กน้อย แต่ทุกนาทีในสนาม คือพื้นที่ที่เขาสร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธา ที่ไม่เคยหายไป (22 ตุลาคม 2025) [3]
สิ่งที่ตัวเลขบอกเราก็คือ เขาเคยเปล่งแสงได้จริง และนั่นไม่ใช่ภาพหลอน แต่มันคือคำถามที่ค้างคาอยู่ว่า ถ้าได้โอกาสอีกครั้ง ไวส์แมนจะเปล่งแสงยิ่งกว่านั้นได้หรือเปล่า
จึงกล่าวได้ว่า ยักษ์ ผู้หลับใหล “เจมส์ ไวส์แมน” คือภาพสะท้อนของพรสวรรค์ ที่ยังไม่ได้รับการตีความอย่างถูกต้อง ทั้งจากตัวเอง และระบบที่เขาเข้าไปอยู่ บางคนมองว่าเขา ไม่มีวันตื่นจากการหลับใหลนี้ แต่บางคนยังเชื่อว่า เขาเพียงแค่ต้องอยู่ ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม
เพราะเขาเคยถูกคาดหวังสูง ในฐานะดราฟต์อันดับ 2 ที่มีพรสวรรค์ทางร่างกายโดดเด่น แต่กลับไม่สามารถระเบิดฟอร์มได้เต็มศักยภาพ ทั้งจากอาการบาดเจ็บ และระบบที่ไม่เอื้อต่อการพัฒนา
ไวส์แมนยังอายุน้อย และทีมอย่างเพเซอร์ส ก็ยังเห็นบางอย่างในตัวเขา แต่หากพลาดอีกครั้ง การเริ่มต้นใหม่ใน G League หรือยุโรป ก็อาจเป็นเส้นทางรีเซต ที่มีค่ากว่าการนั่งสำรองแบบไร้ทิศทาง

