
มิดเรนจ์ ซามูไร ผู้ไม่สนสามแต้ม ไม่ง้อใต้แป้น
- Harry P
- 33 views
มิดเรนจ์ ซามูไร เดอมาร์ เดอโรซาน (DeMar DeRozan) คือหนึ่งในผู้เล่นไม่กี่คน ที่ยังคงถือคติ “ทางสายกลาง” ไว้มั่น ในโลกที่บาสเกตบอล หมุนรอบเส้นสามแต้ม และการจบสกอร์ใต้แป้น เขาคือนักรบคนสุดท้าย ที่ยังคงศรัทธาในพื้นที่ 2-3 ก้าวจากเส้นโทษ ที่คนอื่นหลีกเลี่ยง และใช้มันเป็นเวทีประลองเชิง
เกมบาสยุคใหม่ ถูกขับเคลื่อน ด้วยเปอร์เซ็นต์ค่าประสิทธิภาพ ต่อการชู้ต (efficiency) และความนิยมของสามแต้มกับ layup ที่เข้าถึงได้ง่าย หรือให้แต้มสูงกว่า ทำให้มิดเรนจ์กลายเป็น “พื้นที่ต้องห้าม” สำหรับทีมส่วนใหญ่ แต่ไม่ใช่สำหรับเดอโรซาน [1]
เขาคือศิลปินที่ปั้นเกมด้วยจังหวะ การหยุดครึ่งจังหวะ (hesitation pull-up) ที่นิ่งเหมือนกาลเวลาแช่แข็ง แล้วปล่อยลูกชู้ตกลางอากาศ ราวกับการตัดผ่านด้วยดาบ เขาไม่ต้องการระยะไกล ไม่ต้องพึ่งพาความสูง หรือพลังใต้แป้น เขาเอาชนะด้วยจังหวะ และความเข้าใจศิลปะของ “พื้นที่กลางสนาม”
ในฤดูกาล 2023-24 เขาทำแต้มเฉลี่ย 24.0 คะแนนต่อเกม โดยมากกว่า 50% ของช็อตทั้งหมดมาจากมิดเรนจ์ (midrange) (NBA Stats, 2024) ซึ่งสวนทางกับค่าเฉลี่ยลีก ที่ให้ความสำคัญกับสามแต้มมากที่สุด ในประวัติศาสตร์
หลายคนมองว่าเดอโรซาน คือผู้เล่นยุคเก่าที่ดื้อดึง แต่ในความเป็นจริง เขาคือ “หลักยึด” สำหรับทีม ที่ยังไม่มีแกนหลักที่นิ่งพอ
ในฤดูกาลที่ผ่านมา ชิคาโก บูลส์ (Chicago Bulls) เจอกับปัญหา การบาดเจ็บต่อเนื่องของลอนโซ่ บอลล์ และความไม่แน่นอนของแซ็ค ลาวีน แต่สิ่งเดียวที่ไม่เปลี่ยนคือเดอโรซาน เขายังยืนอยู่ตรงนั้น ก้าวเข้ามิดเรนจ์อย่างนิ่งสงบ และชู้ตลูกที่แฟนบูลส์ เชื่อใจที่สุดในควอเตอร์สี่
เปรียบเทียบง่ายๆ
ผู้เล่นอย่างสตีเฟน เคอร์รี (Stephen Curry) ใช้แรง และระยะ เพื่อควบคุมจังหวะ
ส่วนเดอโรซานใช้จังหวะ และความนิ่ง เพื่อทำให้เกมอยู่ในมือ นั่นทำให้เขากลายเป็นเพลย์เมกเกอร์ ที่แปลกตา ไม่ใช่การ์ดที่จ่ายบอลเร็ว แต่เป็นผู้นำทางอารมณ์ของเกม ที่เปลี่ยนความวูบวาบเป็นความมั่นใจ
สิ่งที่หลายคนไม่รู้คือ เดอโรซานไม่เพียงแต่เป็นนักบาสมืออาชีพ แต่ยังเป็นกระบอกเสียงสำคัญ ของการพูดเรื่องสุขภาพจิตใน NBA
เขาเคยเปิดใจ ว่าเคยต่อสู้กับภาวะซึมเศร้า และการแบ่งปันของเขานั้น เป็นแรงบันดาลใจให้เพื่อนร่วมลีกอย่างเควิน เลิฟ (Kevin Love) ให้ลุกขึ้นมาพูดบ้าง เรื่องนี้เชื่อมโยงกับสไตล์การเล่นของเขาโดยตรง เขาไม่พยายามทำให้โลกประทับใจ ด้วยการดังก์แรงๆ หรือชู้ตสามแต้ม จากครึ่งสนาม
แต่เลือกจะควบคุม สิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุด อย่างสงบนิ่ง นั่นคือเหตุผลที่เขาเป็นผู้เล่น clutch ที่ทำแต้มตอนเกมตึง ได้อย่างน่าทึ่งมาตลอด และมิดเรนจ์ของเดอโรซาน ไม่ใช่แค่ทักษะ แต่มันคือพื้นที่ ที่เขาใช้รักษาสมดุลของตัวเอง จากโลกภายนอก [2]
ในโลกที่หลายทีมกำลังวิ่งไล่ยิงสามแต้มแบบสุดขั้ว การมีผู้เล่นที่ “หยุดเกม” และยัดลูกจากระยะกลางได้ คือสิ่งที่ทีมชั้นนำกำลังหวนกลับมาค้นหา
ตัวอย่างเช่น
สิ่งเหล่านี้แสดงว่ามิดเรนจ์ กลับมาอีกครั้ง ในฐานะทางเลือกที่ยั่งยืน สำหรับเกมเพลย์ออฟ ซึ่งการเล่นแบบ set play สำคัญกว่าการชู้ตเร็ว
เดอโรซานไม่ใช่ผู้เล่น ที่เร็วที่สุด แต่เขามีสิ่งที่ยากจะรับมือมากกว่านั้นคือ จังหวะที่ไม่เร่งตามใคร เขาสามารถหยุด ดึง และลวงคู่แข่งให้ “เล่นตามเขา” แทนที่จะไล่ตามเกม ซึ่งเป็นจุดที่ทำให้คู่แข่ง “ขาดบาลานซ์” ได้มากที่สุด
การทำให้ผู้เล่นอีกฝั่ง “คิดมากเกินไป” ว่าควรปิดทางไหน คือชัยชนะของเดอโรซาน ก่อนลูกจะลอยออกจากมือ นี่คือการชนะคู่แข่ง ด้วยความนิ่ง ซึ่งไม่ใช่ความเฉื่อย แต่คือความแน่วแน่ ในจังหวะที่เขาคุมได้แต่เพียงผู้เดียว
ท้ายที่สุด มิดเรนจ์ ซามูไร เดอมาร์ เดอโรซานอาจไม่ใช่ผู้เล่น MVP ในสายตานักสถิติ และไม่ใช่นักยัดห่วง ที่กระโดดเหนือใคร แต่เขาคือซามูไรที่ไม่ขอเปลี่ยนวิถี กลางสนามที่คนอื่นหลีกเลี่ยง คือความมั่นใจ ที่เขาฝึกฝนมาอย่างยาวนาน และบางทีความเรียบง่าย ก็อาจเป็นอาวุธที่คมที่สุด ในสนามที่วุ่นวาย
เพราะเขาเป็นหนึ่งในไม่กี่คน ที่ยังใช้มิดเรนจ์เป็นอาวุธหลัก ท่ามกลางยุคที่บาสเกตบอล นิยมการชู้ตสามแต้ม และจบใต้แป้น เขายืนหยัดในทางสายกลาง ด้วยจังหวะที่นิ่ง และแม่นยำ เหมือนซามูไรที่ไม่เปลี่ยนวิถี
เดอโรซานเป็นผู้เล่นคนแรกๆ ที่เปิดเผยเรื่องภาวะซึมเศร้า และกลายเป็นกระบอกเสียง เรื่องสุขภาพจิตใน NBA จุดประกายให้ผู้เล่นอย่าง Kevin Love และลีกทั้งระบบ หันมาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้