
พอยต์การ์ด เดเมียน ลิลลาร์ด มือสังหารผู้รักความเงียบ
- Harry P
- 99 views
พอยต์การ์ด เดเมียน ลิลลาร์ด ในยุคที่โลกกีฬา เต็มไปด้วยการแสดงออก และเสียงโห่ร้อง การที่นักกีฬาคนหนึ่ง เลือกจะเงียบ และนิ่ง อาจดูขัดแย้งกับกระแสหลัก แต่สำหรับ Damian Lillard พอยต์การ์ดของ Milwaukee Bucks ความเงียบไม่ใช่การหลีกหนี แต่คืออาวุธ ที่เขาใช้ในการควบคุมเกม
ความพิเศษของลิลลาร์ด ไม่ใช่แค่เรื่องระยะยิง ที่ไกลกว่าคนทั่วไป แต่เป็นวิธี ที่เขาเลือกจะปรากฏตัวในเกม ด้วยความเงียบ ความสงบ และการควบคุมจังหวะที่แม่นยำ
เขาเหมือนนักกวี ที่รู้จังหวะของถ้อยคำ รู้ว่าเมื่อไหร่ควรหยุด เมื่อไหร่ควรเร่ง เมื่อไหร่ควรปล่อยให้มันเงียบ ในสนามบาส ลิลลาร์ดใช้ความสามารถเดียวกันนั้น เพื่อควบคุมโทนของเกม แม้ในเกมที่วุ่นวายที่สุด เขากลับเดินอยู่ท่ามกลางความโกลาหล โดยไม่สั่นไหว
สิ่งที่ทำให้เขา เป็นเหมือนมือสังหาร คือความแม่น ความนิ่ง และความเฉียบพลัน ที่ไม่ต้องเตือนใครล่วงหน้า เขาไม่เคยขอเวลา ไม่เคยส่งสัญญาณ เขาแค่ทำให้จบ
ลิลลาร์ดมีชื่อเสียงในฐานะนักบาส ที่สามารถทำคะแนนสำคัญ ในช่วงเวลาสุดท้ายของเกม หรือที่เรียกว่า “clutch time” สถิติระบุว่า เขามีเปอร์เซ็นต์การยิงในช่วง clutch สูงถึง 52% ซึ่งถือว่าสูงมาก ในระดับลีก [1]
การยิงในช่วง clutch time ไม่ใช่แค่เรื่องของเทคนิค แต่มันคือเรื่องของจิตใจ และการควบคุมสภาวะ ลิลลาร์ดแสดงให้เห็นว่า เขาไม่ได้ตื่นตระหนก แม้ในช่วงที่ทุกอย่างดูจะพังทลาย รอบตัวเขาอาจเต็มไปด้วยเสียงเชียร์ ความคาดหวัง แต่สิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุด คือการนิ่งอยู่กับตัวเอง และมีสมาธิกับลูกบาสตรงหน้า
เขาเคยกล่าวว่า “Pressure is a privilege” (แรงกดดัน คืออภิสิทธิ์) ซึ่งไม่ได้เป็นแค่คำเท่ๆ แต่เป็นมุมมองชีวิต แบบนักสู้ ความกดดัน คือเวทีที่ไม่ได้มีให้ทุกคน แต่เป็นสิ่งที่มอบให้เฉพาะคน ที่มีคุณค่าพอที่จะได้รับโอกาส ในการตัดสินเกม
งานวิจัยด้านจิตวิทยาการกีฬา ก็กล่าวถึงแนวคิดนี้ว่า นักกีฬาที่ประสบความสำเร็จ มักไม่ได้หลีกเลี่ยงแรงกดดัน แต่จะฝึกตนเอง ให้รู้จักอยู่กับมันอย่างมั่นคง ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาจะตีความแรงกดดัน ว่าเป็นสัญญาณของโอกาส ไม่ใช่อุปสรรค
ลิลลาร์ดคือภาพแทนของแนวคิดนี้ แบบมีชีวิต ทุกครั้งที่เขาหยิบบอล ในช่วงเวลาสุดท้าย เขาไม่ได้กำลังเสี่ยง แต่เขากำลังใช้สิทธิ์ของเขา ในการเปลี่ยนเกม
การเปรียบเทียบกับผู้เล่นคนอื่น
เมื่อเปรียบเทียบกับผู้เล่นคนอื่นในลีก อย่างเช่น พอยต์การ์ด ไครี เออร์วิง ที่มีสไตล์การเล่นที่โดดเด่น และเป็นที่จับตามอง ลิลลาร์ดกลับเลือก ที่จะไม่แสดงออกมากนัก แต่ในช่วงเวลาสำคัญ เขามักจะเป็นผู้ที่ทำคะแนน ปิดเกมได้อย่างเงียบๆ สิ่งนี้ทำให้เขา ได้รับฉายาว่า “มือสังหารผู้รักความเงียบ”
หลังจากฤดูกาล ที่ยากลำบากกับ Bucks ลิลลาร์ดได้เข้าร่วมการฝึกซ้อม ที่เข้มข้นกับเดวิด กอกกินส์ (David Goggins) อดีต Navy SEAL ที่มีชื่อเสียง ด้านการฝึกฝนความแข็งแกร่งทางจิตใจ และร่างกาย การฝึกนี้ช่วยให้เขา กลับมามีสภาพร่างกาย และจิตใจที่พร้อม สำหรับฤดูกาลใหม่ [2]
คำแนะนำสำหรับผู้อ่าน
สำหรับคนอื่น วินาทีสุดท้ายคือความกลัว แต่สำหรับลิลลาร์ด มันคือ “พื้นที่” ที่เขาเข้าใจดีกว่าคนอื่น ว่าควรทำอะไร ควรรอแค่ไหน แล้วจบยังไง
เขาใช้ความเงียบ ในการอ่านสถานการณ์ ใช้สายตา เพื่อชั่งน้ำหนักทุกตัวเลือก และใช้ใจที่มั่นคง เพื่อบอกตัวเองว่า “ช็อตนี้ของฉัน” ไม่มีการลังเล ไม่มีการหวั่นไหว และถ้าลูกไม่ลง เขาก็ยังคงนิ่ง เพราะเขารู้ว่าเขาอยู่กับมันเต็มที่แล้ว
การนำแนวคิดของลิลลาร์ดไปปรับใช้ในชีวิต
คุณสามารถนำแนวคิดของลิลลาร์ด ไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นในการทำงาน การเรียน หรือการตัดสินใจ ในสถานการณ์ที่กดดัน การรักษาความนิ่ง และการมีสติ จะช่วยให้คุณ สามารถรับมือกับความท้าทาย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากความสามารถ ในสนามบาส ลิลลาร์ดยังเป็นนักดนตรี ภายใต้ชื่อ Dame D.O.L.L.A. ซึ่งเขาใช้ดนตรี เป็นช่องทางในการแสดงความรู้สึก และประสบการณ์ชีวิต ที่เขาผ่านมา ทั้งในแง่ของความยากลำบาก การต่อสู้ เพื่อยืนหยัดในวงการ และความฝันของคนผิวสี ในสังคมอเมริกัน
ดนตรีของเขา ไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อความบันเทิงเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการเล่าเรื่องส่วนตัวที่ลึกซึ้ง
อัลบั้มของเขา เช่น “The Letter O” และ “Big D.O.L.L.A.” แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่น ความอ่อนโยน และความเป็นผู้นำในอีกมุมหนึ่ง ที่แฟนบาสอาจไม่ค่อยเห็น ความจริงใจในเนื้อเพลงของเขา ยังเชื่อมโยงกับบุคลิกของเขาในสนาม เงียบ สุขุม แต่หนักแน่น และจริงจัง [3]
จึงกล่าวได้ว่า ทุกครั้งที่เกมบีบคั้น ทุกครั้งที่ทีมต้องการคนจบ ลิลลาร์ดไม่เคยวิ่งหนีจากความกดดัน เขารับมันอย่างสงบ และจบมันอย่างแม่นยำ นี่คือพอยต์การ์ดที่ “ไม่กลัวเวลา” แต่ยิ่งเวลาน้อยลงเท่าไร เขายิ่งชัดเจน ในเป้าหมายมากขึ้นเท่านั้น
เพราะเขามีสไตล์การเล่น ที่เงียบขรึม แต่สามารถปิดเกม ในช่วงเวลาสำคัญ ได้อย่างแม่นยำ และเด็ดขาด ไม่จำเป็นต้องแสดงออก ด้วยท่าทาง หรือวาจา แต่ใช้ “ความนิ่ง” และการตัดสินใจ ในวินาทีสุดท้ายเป็นอาวุธ จนได้รับฉายานี้ จากทั้งแฟนบาส และสื่อมวลชน
ใช้แนวคิด “ความนิ่งคือพลัง” ในสถานการณ์ที่กดดัน ไม่ว่าจะเป็นในที่ทำงาน การเรียน หรือการตัดสินใจใหญ่ในชีวิต พัฒนาทั้งร่างกาย และจิตใจให้แข็งแรง ฝึกให้ตัวเองรับมือกับแรงกดดัน แทนที่จะหนีจากมัน แล้วมองมันเป็นเวที ให้แสดงศักยภาพ เหมือนที่ลิลลาร์ดทำ ในช่วงวินาทีสุดท้ายของเกม