
พอยต์การ์ด สายพลิ้ว ผู้เข้าระบบโดยไม่ต้องเข้าเพลย์
- Harry P
- 74 views
พอยต์การ์ด สายพลิ้ว ในโลกของ NBA ที่เต็มไปด้วยผู้เล่น ที่ใช้ความเร็วทะลวงเกมรุก หรือผู้ที่คุมจังหวะ ด้วยเพลย์สุดซับซ้อน ไช กิลเจียส-อเล็กซานเดอร์ (Shai Gilgeous-Alexander) กลับเลือกเดินทางที่ไม่มีใครกล้าใช้ เขาไม่เร่งเกม แต่เร่งความกดดันให้คู่แข่งแทน ด้วยจังหวะ ที่ไม่ตรงกับจังหวะใคร
“ไช กิลเจียส-อเล็กซานเดอร์” มีชื่อเต็มว่า Shaivonte Aician Gilgeous-Alexander เกิดเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม ปี 1998 ที่ประเทศแคนาดา เขามีความสูง 6 ฟุต 6 นิ้ว (198 เซนติเมตร) และน้ำหนักประมาณ 195 ปอนด์ ซึ่งเป็นรูปร่างที่เหมาะสม กับตำแหน่งพอยต์การ์ด และชู้ตติ้งการ์ด
เขาเริ่มต้นเส้นทาง ในระดับมหาวิทยาลัยกับทีม Kentucky Wildcats ก่อนจะเข้าสู่ NBA ในปี 2018 โดยถูกดราฟต์ในลำดับที่ 11 โดย Charlotte Hornets แต่ในคืนเดียวกันนั้นเอง เขาก็ถูกเทรดไปยัง Los Angeles Clippers และใช้ฤดูกาลแรกแสดงศักยภาพอย่างเต็มที่
จนกระทั่งในปี 2019 เขาได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของดีลใหญ่ ที่ส่ง Paul George ไปยัง Clippers และตัวเขาย้ายมาร่วมทีมโอกลาโฮมา ซิตี้ ธันเดอร์ (Oklahoma City Thunder) ซึ่งกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ในเส้นทางอาชีพของเขา (1 สิงหาคม 2025) [1]
พอยต์การ์ด สายพลิ้ว กิลเจียส-อเล็กซานเดอร์ ในฤดูกาล 2024-25 คือฤดูกาลแห่งการสถาปนาตัวตนของเขา อย่างแท้จริง เขาพาโอกลาโฮมา ซิตี้ ธันเดอร์คว้าชัยถึง 68 เกม ซึ่งมากที่สุด ในประวัติศาสตร์แฟรนไชส์ และยังครอง ค่าเฉลี่ยแต้มสูงสุดต่อเกมในลีก 32.7 PPG (7 สิงหาคม 2025) [2]
พร้อมตำแหน่ง NBA Most Valuable Player (MVP) และ Western Conference Finals MVP แต่สิ่งที่ทำให้ฤดูกาลนี้พิเศษ ไม่ใช่แค่จำนวนคะแนน หรือถ้วยรางวัล แต่มันคือการทำให้ทีมเด็ก กลายเป็นผู้คุมจังหวะของลีก ด้วยพอยต์การ์ด ที่ดูเหมือนไม่ได้พยายามเลยสักนิด
“SGA” (ไช กิลเจียส-อเล็กซานเดอร์) ไม่ใช่ผู้เล่นที่พุ่งเข้าเพนต์ แบบสับขาหลอกไม่หยุด หรือใช้ สปีด เหนือจังหวะ แบบดีอารอน ฟ็อกซ์ (De’Aaron Fox) แต่เขาคือศิลปินที่ซ้อนจังหวะของตัวเอง ไว้ในร่างกายที่นิ่ง ราวกับน้ำแข็ง
ทุก step-back, every hesitation, ทุกยูโรสเต็ปของเขา มันดูไม่เร่ง แต่ใครก็ป้องกันไม่ได้ เพราะเขาใช้จังหวะที่ไม่มีใครอ่านออก ผู้สื่อข่าวจาก The Ringer เคยบรรยายไว้ว่า “SGA ทำให้เกมเหมือนถูก slow-motion filter ทั้งที่จริงๆ เขาเร่งเกมอยู่ข้างใน”
ลองดูจังหวะที่เขาก้าวข้างเดียว เปลี่ยนแนวทางการประกบ ของผู้เล่นฝั่งตรงข้ามทั้งหมด การเบรกแค่ครึ่งจังหวะ ก็เพียงพอที่จะเปลี่ยนทิศทางเกม ให้ธันเดอร์ได้บุกต่อแบบได้เปรียบ (13 กุมภาพันธ์ 2025) [3]
การคุมจังหวะของกิลเจียส-อเล็กซานเดอร์ ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะพรสวรรค์อย่างเดียว แต่มาจากระบบที่ OKC ปั้นมาอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะภายใต้โค้ช Mark Daigneault ในขณะที่ทีมอื่น เลือกสร้างเกมด้วยสปีด หรือบอลมูฟเมนต์
แต่ธันเดอร์กลับเลือกให้กิลเจียส-อเล็กซานเดอร์ เป็นศูนย์กลางการตัดสินใจ แบบไม่ต้องรีบ ระบบนี้เปิดทางให้เขาใช้พื้นที่ มากกว่าเวลาในการหาช่อง มันทำให้ทุกการเคลื่อนไหวของเขาดูว่าง แต่กลับหนักแน่น และพร้อมทำลาย
ไม่ว่าจะเป็นการลากบอลขึ้นช้าๆแล้ว “ระเบิดเพลย์” จาก crossover เล็กๆ ไปจนถึงการ “หลอกเวลาชู้ต” ในจังหวะ midrange นี่คือผู้เล่นที่ควบคุมเกมได้ โดยไม่ต้องตะโกนสั่งใคร ไม่ต้องยกมือเรียกเพลย์ แต่เขาทำให้เพลย์เกิดขึ้นเอง ด้วยร่างกายของเขา
หากคุณคือผู้เล่นที่ไม่มีสปีดเท่า Ja Morant หรือ Kyrie Irving อย่าเพิ่งหมดหวัง เพราะกิลเจียส-อเล็กซานเดอร์คือเครื่องพิสูจน์ว่า “สปีดไม่ใช่คำตอบเดียวในยุคใหม่”
สิ่งที่คุณควรศึกษา
การฝึกแบบนี้ไม่เน้นความเร็ว หรือการชู้ตไกล แต่มันคือการสร้างจังหวะของตัวเองให้ “ไม่มีใครกล้าเดา” ว่าคุณจะทำอะไรต่อ
หลายคนเรียกเขาว่า ผู้เล่นที่ลื่นไหล (smooth) แต่จริงๆแล้ว กิลเจียส-อเล็กซานเดอร์ไม่ได้ลื่น แต่เขากระชากทุกมิติของเกม ออกจากตำรา
เขาคือผู้เล่นที่ดึงจังหวะ slow-motion มาซ้อนในโลกของความเร็วสูง คือคนที่ทำให้ pick-and-roll ดูเป็นจังหวะสงบ ไม่ใช่เพลย์รุกแบบเร่ง และเขาคือผู้สร้างพื้นที่ให้ Jalen Williams และ Chet Holmgren ได้เติบโต โดยไม่ต้องเร่งรีบ
กิลเจียส-อเล็กซานเดอร์เปลี่ยนเกม โดยไม่เปลี่ยนเสียงในสนาม เขาคือพอยต์การ์ดที่ไม่คุมเกมด้วยเสียง แต่คุมเกมด้วย “คลื่นใต้พื้นสนาม” ที่คู่แข่งไม่เคยรู้ ว่ากำลังจะถูกกลืนเมื่อไร
เราจึงสรุปได้ว่า ในยุคที่ทุกคนกำลังมองหาพอยต์การ์ด ที่ชู้ตไกลได้ วิ่งเร็วได้ และเล่นได้หลายบทบาท แต่กิลเจียส-อเล็กซานเดอร์กลับสอนเราว่า ถ้าคุณรู้จังหวะของตัวเอง คุณไม่ต้องเล่นเร็ว หรือเล่นหลายอย่าง แค่คุณต้องแม่นพอ ที่จะทำให้โลกทั้งใบขยับตามคุณ
เพราะไช กิลเจียส-อเล็กซานเดอร์ใช้จังหวะ “ช้ากว่าปกติ” เป็นเครื่องมือในการหลอกคู่แข่ง จังหวะการขยับที่ไม่แน่นอน ทำให้แนวรับคาดเดาไม่ได้ และนั่นคือสิ่งที่เปิดทาง ให้เขาสร้างเพลย์ได้ตามต้องการ
แทนที่จะใช้สปีด หรือสามแต้มเป็นอาวุธหลัก แต่กิลเจียส-อเล็กซานเดอร์ เลือกใช้ความนิ่ง การอ่านจังหวะ และ footwork ในการสร้างความได้เปรียบ ซึ่งทำให้เขาไม่จำเป็นต้องเล่นเร็วเพื่อชนะเกม