
ปีกปริศนา โนอาห์ เพนดา คำถามที่ NBA ยังไม่มีคำตอบ
- Harry P
- 17 views
ปีกปริศนา โนอาห์ เพนดา (Noah Penda) อาจไม่ใช่ชื่อที่ทุกคนคุ้นหู ในโลกของบาสเกตบอลยุโรป แต่ในหมู่ผู้บริหารทีม NBA ที่เฝ้าดูดราฟต์คลาส 2025 อย่างใกล้ชิด เพนดาคือหนึ่งในปีกปริศนา ที่ถูกพูดถึงแบบเงียบๆ เพราะเขาเต็มไปด้วย “พื้นที่ว่าง” ให้เราได้จินตนาการถึงอนาคต ที่ยังไม่ถูกกำหนด
โนอาห์ เพนดาเกิดเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2005 ในประเทศฝรั่งเศส และเติบโตขึ้นมา ในระบบเยาวชนของฝรั่งเศส ที่ขึ้นชื่อเรื่องการปั้นผู้เล่นอย่างเป็นระบบ ไม่เหมือนกับดาวรุ่งบางคน ที่เข้ามาในแวดวงด้วยการเป็น MVP ระดับเยาวชนตั้งแต่ต้น เพนดาใช้เวลาค่อยๆพัฒนาตัวเอง จากฐานราก
เขาผ่านศูนย์ฝึกเยาวชนระดับประเทศ Pôle Espoirs และ Centre fédéral ซึ่งเป็นเส้นทางเดียวกับผู้เล่นอย่าง Rudy Gobert, Evan Fournier และ Victor Wembanyama ก่อนจะเข้าสู่ระบบอาชีพกับ JA Vichy-Clermont ในลีก Pro B (ระดับสองของฝรั่งเศส) เมื่ออายุ 17 ปี
ในฤดูกาลแรก เขามีบทบาทจำกัด แต่สิ่งที่น่าจับตาคือ ความสามารถในการเล่นหลายตำแหน่ง และการเป็นผู้เล่น ที่เข้าใจระบบตั้งแต่ยังอายุน้อย
ในปี 2024 เพนดาย้ายมาร่วมทีม Le Mans Sarthe ใน Jeep Elite Pro A ซึ่งเป็นลีกสูงสุดของฝรั่งเศส นี่คือก้าวสำคัญ ที่ทำให้เขาได้พิสูจน์ว่า ตัวเองพร้อมสำหรับเวทีใหญ่ ด้วยสภาพร่างกายที่สูง 6 ฟุต 6 นิ้ว และมีสปีดในการขยับตัวอย่างว่องไว (17 มิถุนายน 2024) [1]
เพนดากลายเป็นฟอร์เวิร์ด ที่สามารถรับมือได้หลายตำแหน่ง มีบทบาททั้งในเกมบุก และเกมรับ เขาสามารถวิ่งเปิดเลย์อัพ ชู้ตจากระยะกลาง และมีความพยายาม ในการพัฒนาการชู้ตสามแต้ม
เขาใช้ความเข้าใจเกม ช่วยทีมในด้านการสื่อสาร การสลับตัวประกบ และการป้องกันพื้นที่ใต้แป้น อีกสิ่งหนึ่งที่แมวมองชื่นชมคือ ความไม่รีบร้อนของเขาในการตัดสินใจ เขาไม่พยายามโชว์เกินเหตุ แต่เลือกเล่นในสิ่งที่ระบบต้องการ ซึ่งเป็นสิ่งที่โค้ชในเอ็นบีเอ ให้ค่ามากขึ้นเรื่อยๆ (20 มกราคม 2025) [2]
ใน NBA Draft เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2025 เพนดาถูกเลือกในอันดับที่ 32 โดยบอสตัน เซลติกส์ ก่อนจะถูกเทรดสิทธิ์ไปยัง ออร์แลนโด แมจิกทันทีในวันเดียวกัน นี่คือจุดเปลี่ยนที่ใครหลายคนจับตามอง เพราะในทีมอย่างแมจิก ที่กำลังสร้างตัว จากผู้เล่นอายุน้อยหลายตำแหน่ง
ซึ่งโนอาห์ เพนดาอาจได้รับโอกาส ในการสร้างตัวจริง อย่างค่อยเป็นค่อยไป แม้จะไม่ใช่ตัวดราฟต์ระดับ Lottery แต่เพนดาอยู่ในกลุ่ม “Draft-and-develop” ที่หลายทีมมองว่า อาจกลายเป็นปีกอเนกประสงค์ ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ถ้าพัฒนาได้ตามแผนที่วางไว้ (4 กรกฎาคม 2025) [3]
สิ่งที่ทำให้โนอาห์ เพนดาแตกต่าง จากดาวรุ่งคนอื่นๆ คือเขาไม่มีจุดเด่นแบบ “ระเบิดสายตา” เขาไม่ใช่ผู้เล่นที่มีค่าเฉลี่ย 25 แต้มต่อเกม หรือมีไฮไลต์ดังก์ผ่านหัวสามคน แต่เขาเป็นคนที่รู้ว่าจะอยู่ตรงไหน รู้ว่าจะป้องกันอย่างไร รู้ว่าจะปล่อยบอลเมื่อไหร่
ในรอบ Playoff ของลีกฝรั่งเศส เขาแสดงให้เห็นถึงการอ่านเกมที่ดีเยี่ยม โดยเฉพาะในจังหวะที่ทีมต้องการ การครองบอลอย่างมั่นคง เขาไม่ใช่ตัวปิดเกม แต่เป็นตัวทำให้เกมไม่พัง นี่คือทักษะที่ไม่เคยอยู่ในโพสต์ของ ESPN แต่มีอยู่ในทีมที่ประสบความสำเร็จใน NBA ทุกทีม
หลายคนพยายามหาผู้เล่นในเอ็นบีเอ ที่คล้ายเพนดา บ้างก็เปรียบเขากับ นิโคลัส บาตัมในยุค Prime บ้างก็ว่าเขาคล้ายกับ ลูเกนท์ซ ดอร์ต ที่มีความเป็นนักสู้ แต่ไม่ใช้พละกำลังเกินไป แต่ความจริงแล้ว เพนดาอาจไม่ได้เหมือนใครเลย เขายังอยู่ในช่วงที่บุคลิกบาสเกตบอลของเขา กำลังถูกหล่อหลอม
สิ่งที่ชัดเจนคือ เขาไม่ใช่ดาวรุ่ง ที่ต้องการ spotlight เขาคือนักบาสที่พร้อมเดินไปเรื่อยๆ ในเลนของตัวเขาเอง
เสียงวิจารณ์หลัก ที่เกิดขึ้นกับเพนดาคือ “เขาไม่มีท่าที่ดึงดูดแฟนๆ” เขาไม่ได้ชู้ตแม่นระดับมือสไนเปอร์ ไม่ได้ดังก์แรงแบบไซออน วิลเลียมสัน ที่มี พลังระเบิด ใต้ห่วง และไม่ได้เล่นเร็วแบบจา โมแรนท์ แต่สิ่งที่มักถูกมองข้ามคือ ความสม่ำเสมอ ความอดทน และการทำสิ่งเล็กๆ ที่พาทีมชนะได้ในเกมใหญ่
ในทีมอย่างออร์แลนโด แมจิก ที่มีผู้เล่นปั้นเกมอย่าง เปาโล แบนเชโร, ฟรานซ์ วากเนอร์ และจาเลน ซักส์อยู่แล้ว การมีโนอาห์ เพนดาเป็นคนเสริมรอบๆ จึงไม่ใช่สิ่งที่ฟุ่มเฟือย แต่เป็นส่วนเสริม ที่ช่วยเชื่อมทีมเข้าด้วยกัน ในยามที่จังหวะของเกมเริ่มหลุด
ฤดูกาลหน้า เพนดาน่าจะเริ่มจากการฝึกกับทีมชุดใหญ่ของแมจิก และอาจถูกส่งลงเล่นใน G-League เพื่อเร่งพัฒนาร่างกาย และพัฒนาการอ่านเกมระดับ NBA โอกาสในการเป็นตัวจริงอาจยังไม่มาในปีแรก แต่ถ้าเขาทำงานอย่างต่อเนื่อง และรักษาความเข้าใจระบบไว้ได้ เขาก็อาจกลายเป็นฟันเฟืองสำคัญ
สุดท้ายแล้ว “โนอาห์ เพนดา” อาจไม่ได้เกิดมาเป็นดารา แต่เขาอาจเกิดมา เพื่อทำให้ดาราคนอื่นชนะ เขาคือคนที่ทำให้จังหวะเงียบของเกม กลายเป็นรอยต่อสำคัญของชัยชนะ และในวันที่ทีมต้องการสมดุล มากกว่าการโชว์ เพนดาอาจเป็นคำตอบ ที่ไม่เคยอยู่ในพาดหัวข่าว
เพราะเขาไม่ได้มีชื่อเสียง หรือไฮไลต์ที่หวือหวา แต่มีศักยภาพแฝง และรูปแบบการเล่น ที่ยังไม่ถูกตีความชัดเจนในเอ็นบีเอ เขาเล่นด้วยจังหวะของตัวเอง ไม่เร่ง ไม่หวือหวา แต่มีรากฐานเกมที่มั่นคง และซับซ้อน
ตอนเล่นใน G-League และช่วงที่แมจิก มีปัญหาเรื่องการหมุนเวียนผู้เล่น เพราะนั่นคือตอนที่เขาจะมีโอกาสแทรกเข้ามา โดยเฉพาะเมื่อทีมต้องการผู้เล่น ที่สามารถยืนคุมโซนปีกทั้งรับ และรุกได้อย่างมีวินัย