
นักดังก์ สายป้องกัน ฟอร์เวิร์ดจากเวที Slam Dunk
- Harry P
- 38 views
นักดังก์ สายป้องกัน เดอร์ริค โจนส์ จูเนียร์ (Derrick Jones Jr.) ฟอร์เวิร์ดผู้ครองแชมป์ Slam Dunk Contest ปี 2020 วันนี้เขาคือกำลังหลักในเกมรับของ LA Clippers จุดเด่นที่ไม่ได้มีดีแค่การดังก์ แต่ยังรวมถึงการป้องกันหลายตำแหน่ง เป็นพลังเกมรับ ที่ทำให้ทีมแข็งแกร่งยิ่งขึ้น ในฤดูกาลนี้
โจนส์เข้าสู่ NBA ในปี 2016 โดยไม่ได้ถูกดราฟต์ ความฝันที่ดูเหมือนเลือนราง กลับกลายเป็นแรงผลักดันให้เขา ใช้ทุกโอกาสพิสูจน์ตัวเอง จากการเริ่มต้นกับ Phoenix Suns สู่การย้ายไป Miami Heat และคว้า “Slam Dunk Contest ในปี 2020” (16 กรกฎาคม 2025) [1]
เขากลายเป็นที่รู้จัก ในฐานะนักดังก์พลังระเบิด แต่ในสนามจริง เขาต้องแสดงให้เห็นว่าตัวเอง ไม่ใช่แค่คนที่สร้างไฮไลต์ เขาเรียนรู้ที่จะเป็นผู้เล่น ที่โฟกัสเกมรับ เติมเต็มในจุดที่ทีมต้องการ ไม่ใช่สิ่งที่ตัวเองอยากทำ เพียงอย่างเดียว
ประสบการณ์นี้ ทำให้โจนส์ จูเนียร์พัฒนาทัศนคติแบบใหม่ เขาไม่ไล่ตามการเป็นสตาร์ ที่ทำแต้มสูงๆ แต่เลือกที่จะเป็นตัวแปร ที่ทำให้ทีมแข็งแกร่งกว่าเดิม
หลังจากฤดูกาลที่น่าจดจำ กับดัลลัส แมฟเวอริกส์ (Dallas Mavericks) ซึ่งโจนส์ช่วยทีมทะลุถึงรอบชิง West Finals เขาตัดสินใจย้ายมาลอสแอนเจลิส คลิปเปอร์ส (LA Clippers) เมื่อเดือนกรกฎาคม 2024 เพื่อตามหาบทบาท ที่ชัดเจนกว่า (16 กรกฎาคม 2024) [2]
ที่นี่เขาไม่ได้ถูกคาดหวัง ให้เป็นตัวทำแต้มหลัก แต่เป็นผู้เล่น ที่ต้องใช้ความเร็ว ความยาว และพลังงาน มาช่วยป้องกันตัวปีกระดับท็อปของลีก
ในฤดูกาล 2024-25 โจนส์ลงสนามอย่างต่อเนื่อง และมีผลงานมั่นคง เฉลี่ย 10.1 แต้ม, 3.4 รีบาวด์, พร้อม FG% 52.6% ตัวเลขเหล่านี้ อาจไม่ได้สะดุดตาเหมือนสตาร์ชื่อดัง แต่ทุกนาทีของเขาในสนาม คือการเติมเต็มสมการ ที่คลิปเปอร์สต้องการ ในการไล่ล่าแชมป์ (27 สิงหาคม 2025) [3]
โจนส์ จูเนียร์มี wingspan กว่า 7 ฟุต ความยาวแขนนี้ ช่วยให้เขาป้องกันได้ ตั้งแต่การ์ดที่รวดเร็ว ไปจนถึงฟอร์เวิร์ดที่มีกำลัง ความเร็วผสาน กับพลังการกระโดด ทำให้เขาไม่เพียงแค่ดังก์ได้ทรงพลัง แต่ยังสร้างประโยชน์ในเกมรับได้
ทั้งการสกัดลูกที่ห่วง การบล็อก และการกดดันคู่แข่ง ในจังหวะสำคัญ เขาคือตัวอย่างของผู้เล่น ที่ไม่ต้องการ spotlight แต่กลับสร้างคุณค่าได้ จากการทำสิ่งที่ยากที่สุด ในเกมบาสเกตบอล อย่างการหยุดคู่แข่ง ด้วยความพยายาม และความทุ่มเท
เขาถูกนำไปเปรียบเทียบ กับผู้เล่นอย่างพีเจ ทักเกอร์ (P.J. Tucker) ที่มีชื่อเสียงด้านเกมรับเข้มข้น แต่โจนส์ จูเนียร์แตกต่างตรงที่ เขายังใช้ศักยภาพทางกายภาพ เติมพลังงานให้ทีม ในจังหวะเปลี่ยนเกม
แม้จะมีคุณค่าในเกมรับ แต่โจนส์ จูเนียร์ยังต้องรับมือ กับข้อจำกัดหลายด้าน เกมชู้ตสามแต้มยังไม่สม่ำเสมอ และเปอร์เซ็นต์ที่ต่ำกว่า 33% ทำให้คู่แข่ง มักเลือกปล่อยเขาให้ว่าง ในระยะไกล น้ำหนักตัวที่เบากว่าฟอร์เวิร์ดสายพละกำลัง ทำให้บางครั้ง เสียเปรียบในจังหวะปะทะใต้แป้น
อีกทั้งสไตล์การเล่น ที่ใช้พลังระเบิดตลอดเวลา อาจเพิ่มความเสี่ยง ต่อการบาดเจ็บ และความล้าสะสม การจัดการสภาพร่างกาย จึงเป็นอีกหนึ่งโจทย์ใหญ่ หากเขาต้องการยืนระยะ และรักษามาตรฐานให้ได้ตลอดฤดูกาล
หลายคนยังจดจำโจนส์ จูเนียร์ในฐานะนักดังก์ แต่สิ่งที่ไม่ค่อยถูกพูดถึง คือการที่เขาพัฒนาตัวเอง จนกลายเป็นผู้เล่น ที่โค้ชสามารถส่งลงสนาม ในจังหวะสำคัญ เพื่อปิดเกมรับ หรือช่วยหยุดผู้เล่นฝั่งตรงข้าม เขาไม่ต้องการ spotlight แต่กลับสร้างความต่าง ที่ชัดเจนในสนามจริง
นี่คือคุณค่าที่บ่งบอกว่า บาสเกตบอลไม่ได้วัดจากจำนวนแต้ม เพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการสร้างเสถียรภาพ และความเชื่อมั่นให้กับทีมด้วย
บทเรียนที่นักบาสนำไปต่อยอดได้
สำหรับนักบาสสมัครเล่น ควรทำความเข้าใจการอ่านเกม และการเล่นเกมรับ มันจะช่วยสร้างโอกาสให้คุณ ได้ลงสนาม แม้จะไม่ใช่คนที่ทำแต้มมากที่สุดก็ตาม แต่สิ่งที่ควรระวังคือ การเล่นทุ่มพลังมากเกินไป โดยไม่ดูแลร่างกาย อาจทำให้เสี่ยงบาดเจ็บ หรือเสียสมดุลในเกม ควรรู้จักบริหารแรงอย่างเหมาะสม
แม้จะได้รับการยอมรับในด้านเกมรับ แต่โจนส์ จูเนียร์ก็ยังถูกตั้งคำถามเรื่องเกมรุก ที่ไม่ได้พัฒนาอย่างก้าวกระโดด บางเสียงมองว่าเขา ยังไม่สามารถก้าวขึ้นเป็นผู้เล่น ที่มีอิทธิพลทั้งสองฝั่งของสนามได้แบบ ฟอร์เวิร์ด สองทาง
นอกจากนี้ ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับ การย้ายทีมบ่อยครั้ง ซึ่งอาจสะท้อนว่าเขา ยังไม่สามารถปักหลักระยะยาว ในทีมใดได้จริง แม้ปัจจุบันกับคลิปเปอร์ส เขาจะมีบทบาทที่มั่นคงขึ้น แต่ก็ยังต้องพิสูจน์ว่าตัวเอง สามารถรักษาสถานะนี้ไปได้ ในระยะยาว
ท้ายที่สุด นักดังก์ สายป้องกัน อย่างเดอร์ริค โจนส์ จูเนียร์ไม่ได้เป็นเพียงนักดังก์โชว์ แต่คือฟอร์เวิร์ดที่ทำให้ทีมสมดุล เขาคือนักดังก์ สายป้องกันผู้ที่ทำให้คลิปเปอร์ส มีทางเลือกมากขึ้นในฝั่งรับ และเป็นตัวอย่างของนักบาส ที่เข้าใจว่า การทำให้ทีมแข็งแกร่ง ไม่จำเป็นต้องใช้คะแนนส่วนตัว
เพราะเขาสร้างชื่อจากการดังก์พลังระเบิด แต่พัฒนาตัวเอง จนกลายเป็นฟอร์เวิร์ดที่เน้นเกมรับ และช่วยให้ทีมสมดุลมากขึ้น อีกทั้งยังกลายเป็นตัวอย่างของผู้เล่น ที่เปลี่ยนภาพจำจากการโชว์ มาเป็นการสร้างคุณค่าในสนามจริง
เพราะเขาผ่านหลายทีม ในระยะเวลาเพียงไม่นาน ทำให้บางคนมองว่าเขา ยังไม่สามารถปักหลักระยะยาว กับทีมใดได้ แม้กับคลิปเปอร์สตอนนี้ จะเริ่มมีบทบาทที่มั่นคงขึ้น