
ทำไมถึงเรียกว่า บัญชีม้า เพราะว่าเหตุผลอะไร?
- sun-31
- 50 views
ทำไมถึงเรียกว่า บัญชีม้า เกิดจากการเปรียบเปรย ถึงบัญชีที่ถูกเปิด หรือใช้โดยผู้อื่นแทนเจ้าของจริง คล้ายกับม้าที่ถูกใช้ให้แบกของ หรือทำงานแทนคน โดยเจ้าของบัญชีตัวจริง มักไม่รู้เรื่องหรือถูกหลอกให้โอนสิทธิ์การใช้งานไป ที่สำคัญบัญชีม้า ถูกนำไปใช้ในทางผิดกฎหมาย เช่น ฟอกเงินหรือหลอกลวงทางออนไลน์ ทำให้กลายเป็นคำที่ใช้เรียกกัน จนติดปากในสังคมไทย ณ เวลานี้
สำหรับคำว่าบัญชีม้า มีรากมาจากการเปรียบเปรยกับม้า ที่ในภาษาไทย มักหมายถึงสิ่งที่ถูกใช้แทน หรือเป็นเพียงเครื่องมือของคนอื่น โดยเจ้าของตัวจริง ไม่ได้เป็นผู้ควบคุม การใช้งานอย่างแท้จริง บัญชีธนาคาร ที่ถูกเปิดมาแล้วถูกส่งต่อ หรือให้ผู้อื่นใช้เพื่อโอนเงิน จึงถูกเรียกว่าบัญชีม้า เพราะมีบทบาทเหมือนม้า ที่ถูกบังคับให้ทำงานแทนเจ้าของ
โดยคำนี้นั้น เริ่มถูกใช้แพร่หลาย ในสังคมไทย อยู่ราวประมาณช่วงปี 2566 ซึ่งเป็นช่วงที่การทำธุรกรรมออนไลน์ และอาชญากรรมทางอินเทอร์เน็ต มีการขยายตัวมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลโกงหลอกโอนเงิน และแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ต้องอาศัยบัญชีบุคคลทั่วไป ในการรับเงินจากเหยื่อ เมื่อถูกใช้ซ้ำๆ สื่อและสังคมออนไลน์ จึงหยิบคำว่าบัญชีม้า มาใช้เรียกบัญชีประเภทนี้ จนติดปากนั่นเอง (16 กันยายน 2025) [1]
อีกทั้ง บัญชีม้าก็เป็นบัญชีธนาคาร ที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือ หรือตัวกลางในการโอนเงิน เพื่ออำพรางเส้นทางการเงิน ที่ได้มาจากการกระทำผิดกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็น การหลอกลวง หรือการพนันออนไลน์ เพื่อปกปิดตัวตนของอาชญากร ได้อย่างแท้จริงอีกด้วย
คำนี้เริ่มแพร่หลายขึ้นในไทย อยู่ในช่วงปี 2012 ถึง 2017 เมื่อการหลอกลวงทางออนไลน์ และแก๊งคอลเซ็นเตอร์เริ่มเติบโตอย่างหนัก มีการจ้างเปิดบัญชี หรือหลอกให้ประชาชนโอนสิทธิ์ไปใช้ เพื่อรับเงินจากเหยื่อ ตัวเลขจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุว่าเฉพาะปี 2565 มีการร้องเรียนอาชญากรรมทางออนไลน์มากกว่า 3 แสนครั้ง และกว่าครึ่งหนึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้บัญชีม้า (24 กุมภาพันธ์ 2025) [2]
ดังนั้น บัญชีม้าจึงไม่ได้หมายถึงบัญชีธรรมดา แต่เป็นสัญลักษณ์ ของการถูกใช้ประโยชน์โดยไม่รู้ตัว และเป็นตัวเลขสะท้อนถึง ปัญหาใหญ่ในสังคมไทย ที่เชื่อมโยงทั้งมิติทางเศรษฐกิจ และความมั่นคงทางไซเบอร์ ไปพร้อมเดียวกัน
นอกจากนี้ บัญชีม้าเป็นคำศัพท์ ที่ใช้เรียกบัญชีธนาคาร ที่เปิดขึ้นมาเพื่อ อำพรางตัวตนของเจ้าของที่แท้จริง โดยถูกนำไปใช้ ในกิจกรรมที่ผิดกฎหมายต่างๆ เช่น การฟอกเงิน การหลอกลวง และการพนันออนไลน์ เปรียบเสมือนม้าที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือ หรือตัวกลางในการกระทำความผิดนั่นเอง
โดยคำว่าบัญชีม้า เริ่มถูกใช้ในวงการมิจฉาชีพออนไลน์ราวช่วงปี 2012 ซึ่งเป็นยุคที่การโอนเงินผ่านอินเทอร์เน็ต และการทำธุรกรรมออนไลน์ในไทย เริ่มแพร่หลายมากยิ่งขึ้น ในระยะแรกบัญชีเหล่านี้ มักใช้ในการโกงขายสินค้าออนไลน์ และพนันผิดกฎหมาย แต่ต่อมาถูกพัฒนาสู่ระดับใหญ่ขึ้น
โดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ใช้บัญชีม้าในการรับเงินจากเหยื่อ เพื่อตัดรอยตามของตำรวจ ข้อมูลจากกองบัญชาการตำรวจสืบสวน อาชญากรรมทางเทคโนโลยี ระบุว่า ภายในช่วงปี 2022–2023 มีบัญชีต้องสงสัยถูกอายัดมากกว่า 6 แสนบัญชี ที่เชื่อมโยงกับการหลอกลวงรูปแบบนี้ ดังนั้น จุดเริ่มต้นของคำว่าบัญชีม้า จึงสะท้อนการปรับตัวของมิจฉาชีพ ที่ใช้ประชาชนธรรมดาเป็นเกราะกำบัง
การใช้ บัญชีม้า มีความเสี่ยงสูงทั้งทางกฎหมายและการเงิน เจ้าของบัญชีอาจถูกดำเนินคดี ทั้งแพ่งและอาญา แม้ไม่รู้เรื่อง เพราะบัญชีถูกใช้ในการฟอกเงิน หรือหลอกลวงออนไลน์ ข้อมูลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติระบุว่า มากกว่า 60% ของบัญชีม้าที่ถูกตรวจสอบในปี 2566 เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกง หรือการพนันผิดกฎหมาย (18 กรกฎาคม 2025) [3]
นอกจากนี้ ธนาคารสามารถอายัดบัญชีได้ ทำให้เจ้าของเข้าถึงเงินของตัวเองไม่ได้ และยังเสี่ยงต่อชื่อเสียง การถูกแบล็กลิสต์ หรือการถูกเรียกคืนเงินจากเหยื่อ รวมถึงผลกระทบทางจิตใจ และความเครียดที่เกิดขึ้น จากการถูกสอบสวน หรือถูกใช้เป็นเครื่องมือของมิจฉาชีพ
การรู้เท่าทันภัยของบัญชีม้า มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะปัจจุบันมิจฉาชีพใช้บัญชีเหล่านี้ เป็นเครื่องมือในการฟอกเงิน และหลอกลวงประชาชน การทำความเข้าใจว่าบัญชีม้าคืออะไร และมีลักษณะอย่างไร จะช่วยให้เราสามารถป้องกันตัวเอง จากการตกเป็นเหยื่อได้
นอกจากนี้ การไม่สนับสนุนหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับ การซื้อขายบัญชีม้า ยังเป็นการช่วยลดปัญหาอาชญากรรม ทางไซเบอร์ในวงกว้าง เพราะหากไม่มีบัญชีม้าให้ใช้เป็นทางผ่าน การหลอกลวงก็จะทำได้ยากขึ้น และเรายังสามารถเป็นส่วนหนึ่ง ในการแจ้งเบาะแส เพื่อหยุดยั้งขบวนการเหล่านี้ได้อีกด้วย และสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่นี่ tba.or
การตกเป็นผู้ต้องหาในคดีที่ เกี่ยวข้องกับบัญชีม้านั้น ส่งผลกระทบอย่างรุนแรง ต่ออนาคตทางการเงินและการงาน การถูกบันทึกประวัติอาชญากรรม จะทำให้ชื่อของคุณถูกขึ้นบัญชีดำ ในระบบของธนาคาร รวมถึงสถาบันการเงินประมาณ 80% ของธนาคาร
ซึ่งจะปฏิเสธการอนุมัติสินเชื่อ หรือการทำธุรกรรมทางการเงินที่สำคัญ อีกทั้ง การตรวจสอบประวัติยังทำให้นายจ้าง มากกว่า 50% ที่ต้องใช้ประวัติการเงิน ประกอบการพิจารณาตัดสินใจไม่รับเข้าทำงาน ส่งผลให้คุณมีโอกาส ในการทำงานลดลงอย่างมาก
นอกจากนี้ ผู้ที่เปิดบัญชีม้า จะได้รับผลกระทบอย่างร้ายแรง ทั้งชื่อเสียง และประวัติทางการเงิน เนื่องจากข้อมูลส่วนตัว จะถูกนำไปใช้ ในการก่ออาชญากรรม ทำให้มีประวัติอาชญากรรมติดตัว และอาจถูกขึ้นบัญชีดำจากธนาคาร ส่งผลให้ในอนาคต ไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงิน หรือขอสินเชื่อใดๆ ได้อีกเลย
โดยสรุปแล้ว ทำไมถึงเรียกว่า บัญชีม้า คือการเปรียบเทียบกับม้า ที่ถูกใช้เป็นพาหนะในการขนส่งสิ่งของ โดยที่ตัวมันเองไม่ได้มีส่วนรับรู้ถึงสิ่งนั้นๆ เลย บัญชีม้า แบ่งเป็นกี่ประเภท มักถูกใช้เป็นเครื่องมือในการรับ-ส่งเงินผิดกฎหมาย โดยเจ้าของบัญชี มักจะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ อาชญากรรมโดยตรง ทำให้ยากต่อการติดตามตัว อาชญากรที่แท้จริง
ซึ่งทุกคนสามารถสังเกต และป้องกันตัวเองจากมิจฉาชีพได้ ด้วยการตั้งสติ และไม่หลงเชื่ออะไรง่ายๆ ที่ดูดีเกินจริงหรือสร้างความหวาดกลัว หลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์ที่ไม่น่าเชื่อถือ และไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว หรือข้อมูลทางการเงิน ให้กับบุคคลที่ไม่รู้จัก หรือเว็บไซต์ที่ไม่ปลอดภัย หากมีข้อสงสัย ให้ตรวจสอบกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงเสมอ เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อในที่สุด
สิ่งสำคัญคือต้อง ส่งเสริมการให้ความรู้ แก่ทุกคนในชุมชน ให้ตระหนักถึงอันตราย ของการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว และผลกระทบทางกฎหมาย ที่ร้ายแรงจากการขายบัญชีธนาคาร การบอกต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง จะช่วยสร้างความเข้าใจ และกระตุ้นให้ผู้คนระมัดระวังมากขึ้น ไม่ตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ที่มักใช้ความโลภ หรือความจำเป็นทางการเงินมาล่อลวง