แหล่งรวมเกมส์ชั้นนำ สล็อต คาสิโน บาคาร่า พร้อมระบบล้ำทันสมัย รวดเร็วทันใจ

ชู้ตเตอร์ สายอึด ความแม่นไม่มีตกยันวินาทีสุดท้าย

ชู้ตเตอร์ สายอึด

ชู้ตเตอร์ สายอึด ดันแคน โรบินสัน (Duncan Robinson) ไม่ได้วิ่งเพื่อโชว์ลีลา ไม่ได้ดังก์เพื่อให้คนปรบมือ แต่เขาวิ่ง เพื่อให้ตัวเองหลุดการประกบ และวิ่งไม่หยุด เพื่อหาช่องว่าง แล้วชู้ตได้แม่นยำ แม้ในวินาทีที่คนอื่นหมดแรง นี่แหละอาวุธลับ ที่เปลี่ยนจังหวะธรรมดา ให้กลายเป็นแต้มสำคัญ

  • ชื่อเสียงของดันแคน โรบินสันใน NBA
  • บทบาทของโรบินสัน ในระบบของไมอามี่ ฮีท
  • ดีลล่าสุดของโรบินสัน กับดีทรอยต์ พิสตันส์

ชายที่ชู้ตได้เหมือนเดิม ไม่ว่าเวลาจะเหลือกี่วินาที

ชู้ตเตอร์ สายอึด อย่างดันแคน โรบินสันเป็นนักแม่นปืน ที่มีชื่อเสียงใน NBA จากการเป็นชู้ตเตอร์มืออาชีพ ให้กับไมอามี่ ฮีท (Miami Heat) สิ่งที่ทำให้เขา ต่างจากชู้ตเตอร์ทั่วไป ไม่ใช่แค่ฟอร์มการชู้ต หรือเปอร์เซ็นต์การทำแต้ม จากระยะไกล แต่คือ “ความอึด” ในการวิ่ง และเขาวิ่งตลอดทั้งเกม

นักบาสที่เล่นเกมเร็วต้องอึด แต่โรบินสันต้องอึด “แบบเฉพาะทาง” เขาไม่ได้เพียงยืนรอบอล แล้วชู้ต เขาต้องหลบไปมา อย่างต่อเนื่องในระบบ motion offense เพื่อให้ตัวเองหลุดจากการประกบ ซึ่งหมายถึงการวิ่งรอบ screen หลายสิบครั้งในหนึ่งควอเตอร์ และยังต้องชู้ตให้แม่น ในเสี้ยววินาทีที่ได้ช่อง

สิ่งนี้อาจฟังดูเรียบง่าย แต่ลองนึกภาพนักกีฬาคนหนึ่ง ที่ต้องวิ่งในรูปตัว U หรือรูปตัว L ซ้ำแล้วซ้ำอีก สับเปลี่ยนทิศไปมา ท่ามกลางการไล่บี้ของผู้เล่น NBA ที่ตัวใหญ่ แข็งแรง และเร็วทุกคน แถมยังต้อง “มีแรงพอ” ที่จะชูแขนขึ้นเหนือหัว และปล่อยลูกแม่นๆ ได้ในวินาทีที่เกมใกล้หมดเวลา นั่นแหละคือโรบินสัน

ความแม่นในช่วงที่ “ขาไม่มีแรงแล้ว” คืออาวุธที่ล้ำค่า

ชู้ตเตอร์ สายอึด

ในช่วงหลัง trade deadline ของฤดูกาลเดียวกัน โรบินสันยิงสามแต้มด้วยอัตราสำเร็จสูงถึง 42.6% โดยเฉลี่ยทำได้ 13.4 แต้มต่อเกม ซึ่งสะท้อนชัดเจนว่าเขา ยิ่งเล่นยิ่งแม่นเมื่อเกมผ่านไป [1]

ในรอบ Playoffs ปี 2023 และ 2024 โรบินสันได้กลับมา มีบทบาทสำคัญในทีมอีกครั้ง หลังจากที่โดนลดบทบาทไปช่วงหนึ่ง เขาใช้โอกาสนั้น พิสูจน์ว่าเขาคือ “ชู้ตเตอร์ที่ไม่ต้องการจังหวะ” เพราะไม่ว่าจะถูกเรียก ให้ลงมาในควอเตอร์ 1 หรือ 4

ไม่ว่าจะเพิ่งวอร์ม หรือวิ่งจนเหงื่อท่วม เขาก็ยังสามารถชู้ตได้เหมือนเดิม นี่คือคุณสมบัติ ที่แม้แต่ชู้ตเตอร์ระดับท็อปหลายคน ก็ทำไม่ได้ เพราะเมื่อร่างกายเริ่มเหนื่อย การบาลานซ์ท่าชู้ตจะเสีย มือจะสั่น และความแม่นจะลดลงทันที แต่โรบินสันกลับยิ่งแม่น ในจังหวะที่เกมล้า

เปรียบเทียบ ชู้ตเตอร์กับ “เครื่องจักร”

เคลย์ ธอมป์สัน (Klay Thompson) มีความแม่นในสถานการณ์เกมใหญ่ โดยเฉพาะจังหวะ clutch time แต่เขาไม่ใช่ผู้เล่น ที่เคลื่อนไหวตลอดเวลาในเกม เขามักใช้การอ่านจังหวะ และเลือกยืนในตำแหน่งที่เหมาะสม มากกว่าการวิ่งต่อเนื่อง

เดสมอนด์ เบน (Desmond Bane) เป็นชู้ตเตอร์ที่ผสมพละกำลัง ของปีกสมัยใหม่เข้าไปด้วย เขาสามารถเข้าปะทะได้ดี มีความเร็ว และยังสามารถสร้างเพลย์เองได้ ทำให้มีบทบาททั้งเป็นผู้จบสกอร์ และตัวขับเคลื่อนเกม

โรบินสันกลับเฉพาะทางสุดๆ เขาอาจจะทำได้ เพียงอย่างเดียวคือชู้ตสามแต้ม แต่นั่นคือ “สามแต้มที่ไม่รู้จักคำว่าหมดแรง” เขาเหมือนกับ เครื่องยิงลูกบาสในโรงยิม ที่ไม่ต้องใช้แรงมาก ก็ยิงได้ตลอดเวลา ต่างแค่ตรงที่เครื่องนี้ “ต้องวิ่งเอง”

การกลับมาในยุคที่ฮีทต้องการ “เพียวชู้ตเตอร์”

ชู้ตเตอร์ สายอึด

ในฤดูกาล 2024-25 โรบินสันลงเล่น 74 เกม (37 นัดตัวจริง) ทำคะแนนเฉลี่ย 11.0 แต้ม และยิงสามแต้มสำเร็จถึง 190 ลูกในเวลาเฉลี่ย 24.1 นาทีต่อเกม [2]

เป็นฤดูกาลที่ไมอามี่ ฮีทต้องเผชิญกับปัญหา spacing อย่างหนัก เนื่องจากขาดผู้เล่น ที่สามารถดึงแนวรับ ออกจากในโซน paint ได้ โรบินสันจึงกลับมาเป็นตัวหลัก ในเพลย์ของ Erik Spoelstra อีกครั้ง เพราะเพียงแค่เขา วิ่งวนในสนาม เกมรับของอีกฝ่าย ก็เริ่มกระจายตัวออก

โรบินสันจึงไม่ใช่แค่คน ที่ยิงสามแต้ม แต่คือ “แม่เหล็ก” ที่ทำให้แดนในโล่ง สำหรับผู้เล่นอย่าง แบม อเดบาโย (Bam Adebayo) และจิมมี่ บัตเลอร์ (Jimmy Butler)

เมื่อความแม่นกลายเป็น “ระบบเหนี่ยวนำ” ทั้งทีม

หลายคนอาจคิดว่าชู้ตเตอร์ เป็นแค่คนที่รอบอลแล้วชู้ต แต่ในระบบของทีมระดับสูง โรบินสันคือฟันเฟือง ที่เปลี่ยนแรงเฉื่อย ให้กลายเป็น momentum ของทีม และสิ่งที่เขาทำ ไม่ใช่แค่การชู้ต แต่คือการเคลื่อนไหว ที่กระตุ้นทั้งพลังใจ และโครงสร้างเกมของเพื่อนร่วมทีม

โดยสถานการณ์ล่าสุด โรบินสันถูกเทรดจากไมอามี่ ฮีทไปร่วมทีมดีทรอยต์ พิสตันส์ (Detroit Pistons) พร้อมเซ็นสัญญาใหม่ มูลค่า 3 ปี 48 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งสะท้อนถึงคุณค่าของชู้ตเตอร์ ที่ไม่ได้แค่แม่น แต่ยังขยับได้ไม่มีหมดแรง [3]

นี่อาจเป็นบททดสอบใหม่ว่า ความแม่น และความอึดของเขา จะก้าวขึ้นมายืนเป็นหัวใจ spacing ได้ระดับไหน ในระบบของพิสตันส์

อย่าดูแค่ลูกชู้ต ให้ดูจังหวะที่เขาวิ่งก่อนจะได้ชู้ตด้วย

ถ้าคุณเป็นแฟนบาส หรืออยากฝึกตัวเอง ให้ชู้ตแม่นขึ้น ลองศึกษาเทปเกมของดันแคน โรบินสันแล้วโฟกัสเฉพาะ ตอนที่เขายังไม่มีบอล เพราะความสำเร็จของเขา ไม่ได้มาจากมือที่แม่นอย่างเดียว แต่มาจากขาที่อึด และจังหวะที่ไม่ยอมให้เกมช้าลง

การเป็นชู้ตเตอร์ที่ดีในยุคนี้ ไม่ใช่แค่ยืนรอจังหวะ แต่ต้องสร้างจังหวะให้ตัวเอง ด้วยการวิ่ง

บทสรุป ชู้ตเตอร์ สายอึด ที่ขยับได้ไม่รู้จบ ยิ่งล้ายิ่งแม่น

จึงกล่าวได้ว่า ในยุคที่หลายคนอยากเป็นสตาร์ และเป็นผู้เล่นที่ครบเครื่อง แต่โรบินสันคือคนที่เลือก จะทำให้ดีเพียงสิ่งเดียว จนสิ่งนั้น กลายเป็นอาวุธของทั้งทีม และเป็นเครื่องเตือนใจ ที่บอกเราว่า ความคงเส้นคงวาในสิ่งธรรมดา อาจเปลี่ยนทั้งเกม ได้อย่างไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

จุดเด่นของโรบินสัน แตกต่างจากชู้ตเตอร์คนอื่นอย่างไร ?

โรบินสันไม่ได้แค่แม่น แต่อึด และเคลื่อนไหวตลอดเวลา ต่างจากชู้ตเตอร์อย่างธอมป์สัน ที่เน้นจังหวะ หรือเบนที่ใช้พละกำลัง โรบินสันคือชู้ตเตอร์ที่สร้างโอกาส ด้วยการวิ่งที่ไม่มีหมดแรง

ทำไมดันแคน โรบินสันถึงถูกเรียกว่าชู้ตเตอร์สายอึด ?

เพราะเขาชู้ตได้แม่น แม้ในช่วงท้ายเกม ที่ร่างกายล้าแล้ว วิ่งไม่หยุดเพื่อหาช่องยิงตลอดทั้งเกม และยังรักษามาตรฐานความแม่นไว้ได้ แม้เวลาจะใกล้หมดควอเตอร์ก็ตาม

Facebook
Twitter
Telegram
LinkedIn
ข้อมูลผู้เขียน

แหล่งอ้างอิง