
การ์ดพุ่งแรง จาเลน วิลเลียมส์ เสาหลักเกมบุกยุคใหม่
- Harry P
- 34 views
การ์ดพุ่งแรง จาเลน วิลเลียมส์ (Jalen Williams) ชื่อที่แฟนบาสเกตบอลพูดถึงแทบทุกวัน ไม่ใช่เพียงเพราะเขา คือกำลังสำคัญของโอกลาโฮมา ซิตี้ ธันเดอร์ แต่เพราะเขาคือส่วนหนึ่งของทีม ที่คว้าแชมป์ NBA ได้อย่างยิ่งใหญ่ เขาคือฟันเฟืองที่ทำให้ระบบเกมของธันเดอร์ขับเคลื่อนไปอย่างไร้รอยต่อ
ในฤดูกาล 2024-25 ถือเป็นปีที่จาเลน วิลเลียมส์ก้าวขึ้นมาอย่างเต็มตัว ในฐานะผู้เล่นตัวหลักของธันเดอร์ โดยเขาทำแต้มเฉลี่ยถึง 21.6 คะแนนต่อเกม ควบคู่กับ 5.3 รีบาวด์ และ 5.1 แอสซิสต์ ซึ่งถือว่าโดดเด่นมาก สำหรับผู้เล่นที่ไม่ได้ถือบอลเป็นหลัก (29 สิงหาคม 2025) [1]
วิลเลียมส์ได้รับเลือกให้ติด All-Star เป็นครั้งแรก พร้อมกับมีชื่อติด All-NBA และ All-Defensive Team ในปีเดียวกัน ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นกับนักบาส ที่อายุเพียง 24 ปีเท่านั้น ซึ่งนับว่าเป็นพัฒนาการ ที่ก้าวกระโดด และมีน้อยคนในลีก ที่ทำได้ในช่วงเวลาเดียวกันของอาชีพ
ในด้านเกมบุก เขาชู้ตสามแต้มได้อย่างแม่นยำ และมีความสามารถ ในการสร้างโอกาสทำคะแนนด้วยตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการเล่นแบบ Pick and Roll ร่วมกับกิลเจียส-อเล็กซานเดอร์ หรือโฮล์มเกรน หรือแม้แต่การวิ่งตัดเข้าวงในแบบ Backdoor cut ที่เป็นหนึ่งในจังหวะเด็ด ของเกมรุกธันเดอร์ในฤดูกาลนี้
ในบทสัมภาษณ์กับ ESPN มีการเปรียบจาเลน วิลเลียมส์ว่าเป็น สก็อตตี้ พิพเพน (Scottie Pippen) แห่งเจเนอเรชันใหม่ ความสามารถรอบด้าน ทั้งเกมรุก เกมรับ และการสร้างจังหวะให้เพื่อน ดูคล้ายกับปีกอเนกประสงค์ แห่งยุค 90 อย่างยิ่ง (19 มิถุนายน 2025) [2]
แต่สิ่งที่ทำให้วิลเลียมส์ ไม่ใช่แค่เงาของใครคือ เขาสามารถเล่นบทบาทนำได้ เมื่อจำเป็น ในช่วงต้นเดือนมีนาคม 2025 ที่กิลเจียส-อเล็กซานเดอร์เจ็บ เขาคือผู้พาทีมชนะต่อเนื่อง ส่วนในเกมชิงแชมป์ NBA Finals เขาคือคนที่ส่อง 40 แต้มใน Game 5 กลับมาแซงนำซีรีส์ 3-2 ได้สำเร็จ
และในรอบชิงฝั่งตะวันตก กับทิมเบอร์วูล์ฟส์ เขาทำไป 34 แต้มในเกมที่ 4 พร้อมชู้ตสามแต้มลงถึง 6 ครั้ง ในจังหวะสำคัญช่วงท้ายเกม นี่คือเกมที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขา ไม่ได้แค่เล่นตามระบบ แต่เป็นคนที่พาระบบเดินหน้า และพาทีมคว้าชัยชนะ
หนึ่งในเรื่องที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง เกี่ยวกับวิลเลียมส์ คืออาการเจ็บข้อมือ ที่เขาเผชิญตลอดรอบเพลย์ออฟปีนี้ โดยเริ่มตั้งแต่ซีรีส์รอบสองกับ Denver Nuggets ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2025 เขายอมรับในบทสัมภาษณ์ ว่าต้องฉีดยาแก้ปวดหลายสิบครั้ง ก่อนลงสนาม
เพื่อให้สามารถฝืนลงเล่นได้ตลอดซีรีส์นั้น ซึ่งเป็นช่วงที่เขาทำ FG ได้ต่ำกว่า 25% หลายเกมอย่างเห็นได้ชัด แต่แม้เกมบุกจะสะดุดเพราะอาการเจ็บ แต่ในเกมรับ เขายังคงยืนหยัดในบทบาทสำคัญ โดยเฉพาะการป้องกันแบบ 1 on 1 กับโยคิช หรือเมอร์เรย์ ซึ่งต้องใช้ทั้งแรงกาย และไหวพริบมหาศาล
นี่ไม่ใช่เรื่องของแต้ม ไม่ใช่เรื่องของสถิติ แต่มันคือภาพของนักกีฬา ที่เลือกจะสู้ทั้งที่เจ็บ เลือกจะอยู่ในสนาม ในวันที่ไม่สมบูรณ์แบบ และนั่นคือสิ่งที่สร้างแรงบันดาลใจ ให้ทั้งทีมและแฟนๆ มากกว่าการทำ 30 แต้มเสียอีก (29 สิงหาคม 2025) [3]
สิ่งที่น่าสนใจคือจาเลน วิลเลียมส์มีค่า “On/Off Court Impact” สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของทีมรองจาก พอยต์การ์ด สายพลิ้ว อย่างไช กิลเจียส-อเล็กซานเดอร์ ซึ่งสะท้อนว่า แม้เขาจะไม่ได้แต้มมากที่สุด แต่การมีอยู่ของเขา ทำให้ทีมเล่นได้มีประสิทธิภาพสูงกว่าเสมอ
จุดที่ต้องพัฒนา: ในขณะเดียวกัน สิ่งที่วิลเลียมส์ยังต้องพัฒนา คือการควบคุมจังหวะเกม ในช่วงท้ายเกมที่ตึงเครียด และการตัดสินใจเลือกช็อต ที่ยังมีหลุดบ้างในบางแมตช์
ข้อควรระวัง: ระวังการพัฒนาที่ช้า เมื่อเข้าสู่ช่วงอิ่มตัว หลังประสบความสำเร็จเร็วเกินไป และการรับบทมากขึ้น อาจส่งผลต่อความสด ของร่างกายในระยะยาว
มีคนถามว่าจาเลน วิลเลียมส์จะไปได้ไกลแค่ไหน ในทีมที่มี MVP อย่างกิลเจียส-อเล็กซานเดอร์ คำตอบอาจไม่จำเป็นต้องยาวนัก เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในปีนี้ ก็คือคำตอบแล้ว ธันเดอร์ได้แชมป์ NBA ด้วยระบบที่ไม่เน้นฮีโร่ แต่เน้นคนที่รู้บทบาท และวิลเลียมส์คือหัวใจ ของความสมดุลนั้น
เขาอาจไม่พูดมาก แต่ทุกจังหวะที่เขาเล่น คือเสียงที่ดังที่สุดของทีม ไม่ต้องเป็นคน ที่ชู้ตคนสุดท้ายทุกเกม แต่ขอให้เป็นคนที่ทำให้ทุกจังหวะ มีทางเลือกที่ดีขึ้น นี่คือสิ่งที่วิลเลียมส์แสดงให้เห็นตลอด ในปีที่ผ่านมา
จึงกล่าวได้ว่า “จาเลน วิลเลียมส์” ไม่ใช่แค่ผู้เล่นที่พัฒนาเร็ว แต่คือหนึ่งในผู้เล่น ที่เล่นได้ทุกบทบาท และหากเขา ยังรักษาความสม่ำเสมอ และพัฒนาความแม่น ในบางจุดได้อีกเล็กน้อย เขาอาจจะไม่ได้เป็นแค่ “คู่หู MVP” แต่คือว่าที่ผู้นำทีม ในยุคต่อไปของธันเดอร์
การแบกทีม ช่วงที่กิลเจียส-อเล็กซานเดอร์บาดเจ็บ และการระเบิดฟอร์ม ในเกม 5 NBA Finals คือสองช่วงเวลาสำคัญ ที่เปลี่ยนสถานะเขา จากผู้เล่นสนับสนุน เป็นหัวใจของทีม
เขาช่วยให้เกมรุกไหลลื่น ผ่านการส่งบอลเร็ว เคลื่อนที่ดี และตัดสินใจแม่นยำ รวมถึงเป็นคนที่ทำให้เพื่อนร่วมทีมเล่นง่ายขึ้น เขาเป็นจุดเชื่อมสำคัญ ที่ทำให้ระบบการเล่นของธันเดอร์ไหลต่อได้ แม้ไม่มีผู้เล่นหลักอยู่ในสนาม