
การ์ดคุมเกม ผ่านภาษากาย ศิลปะการบงการด้วยสายตา
- Harry P
- 56 views
การ์ดคุมเกม ผ่านภาษากาย เดชอนเต้ เมอร์เร่ย์ (Dejounte Murray) ไม่ใช่ผู้เล่นที่จะใช้เสียงนำเกม แต่ใช้ร่างกาย สายตา และการเคลื่อนไหว เป็นภาษาเฉพาะ ที่เพื่อนร่วมทีมเข้าใจ และการบังคับเกมด้วยความเงียบแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มันทำให้เขา เป็นหนึ่งในการ์ดคุมเกม ที่มีเอกลักษณ์ที่สุดใน NBA
เมอร์เร่ย์เกิดเมื่อวันที่ 19 กันยายน 1996 ที่ซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน เมืองที่ปลุกปั้นผู้เล่นสไตล์ดุดันและมีความแกร่งทางจิตใจ เขาเติบโตมากับบาสเกตบอลข้างถนนก่อนจะเข้าสู่ระบบโรงเรียนที่ Rainier Beach High School สถานที่ผลิตนักบาสระดับ NBA มาหลายรุ่น
การเล่นเพียงหนึ่งปี ในระดับมหาวิทยาลัยกับ Washington Huskies ก็เพียงพอให้เขา เป็นที่จับตามอง ด้วยค่าเฉลี่ย 16.1 แต้ม 5.9 รีบาวด์ เป็นการคุมเกมที่เกินวัย และในปี 2016 เขาถูกซานอันโตนิโอ สเปอร์ส (San Antonio Spurs) ดราฟต์ในอันดับ 29 ของรอบแรก (5 พฤษภาคม 2025) [1]
ซึ่งที่นั่น เขาได้เรียนรู้การอ่านเกม จากระบบเพลย์ที่ละเอียดของ Gregg Popovich และถูกหล่อหลอม ให้เป็นการ์ดที่ทำได้ทุกอย่าง จากทั้งฝั่งรุก และรับ ช่วงเวลาที่สเปอร์ส ทำให้เขาเข้าใจว่า การควบคุมเกม ไม่จำเป็นต้องใช้เสียงดัง แต่ใช้ความเข้าใจในจังหวะ และตำแหน่งแทน
จากความหวังสู่การทดสอบ การย้ายไปนิวออร์ลีนส์ พีลิแกนส์ (New Orleans Pelicans) เมื่อปี 2024 ถือเป็นโอกาสใหม่ ที่เมอร์เร่ย์จะได้เป็นผู้นำเต็มตัว เขาเริ่มฤดูกาล 2024-25 ด้วยผลงานที่มั่นคง เฉลี่ย 17.5 แต้ม 7.4 แอสซิสต์ และ 6.5 รีบาวด์ต่อเกม (13 สิงหาคม 2025) [2]
เกมรุกของพีลิแกนส์ ดูไหลลื่นขึ้น เมื่อเขาอยู่ในสนาม แต่เส้นทางไม่ได้ราบรื่นเสมอ เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2025 กลายเป็นจุดเปลี่ยนใหญ่ ในเกมกับ Boston Celtics เมอร์เร่ย์ได้รับบาดเจ็บ เอ็นร้อยหวายขวาฉีก MRI ยืนยันแล้วว่า จะปิดฉากฤดูกาลนี้ทันที ทำให้ต้องพักยาวทั้งฤดูกาล
โค้ชวิลลี กรีนแสดงความเห็นว่า “มันยากเหลือเกิน เมื่อได้เห็นผู้เล่นที่มีความหมายกับทีมมากๆ ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น” สำหรับทีมพีลิแกนส์ นั่นไม่ใช่แค่การเสียผู้เล่นฝีมือดี แต่คือการเสียคนคุมเกม ที่ทำให้เพลย์ทุกอย่างมีทิศทาง (31 มกราคม 2025) [3]
สิ่งที่ทำให้เมอร์เร่ย์แตกต่าง จากการ์ดคุมเกมทั่วไปคือ เขาใช้ร่างกาย เป็นเครื่องมือสื่อสารในระดับสูง เพียงการชี้นิ้วหนึ่งครั้ง หรือการเอียงหัวเล็กน้อย ก็เพียงพอให้เพื่อนร่วมทีมเข้าใจ ว่าจะต้องขยับไปที่ไหน การบังคับเกมลักษณะนี้ ช่วยให้ทีมทำงานรวดเร็ว โดยไม่เสียจังหวะ ให้คู่แข่งจับทางได้
เมอร์เร่ย์มักจะใช้สายตา ล็อกเป้าผู้เล่นหนึ่งคน เพื่อหลอกคู่แข่ง ในขณะที่มือส่งสัญญาณเล็กๆ ให้เพื่อนอีกฝั่งเคลื่อนที่ เมื่อรวมกับการควบคุมเทมโป เขาสามารถเร่งเกมให้เร็วขึ้น เพื่อโจมตีในจังหวะ transition หรือชะลอ ให้เกมเข้าสู่ half-court ที่เขาถนัด
ในด้านการคุมเกม เขามีความคล้าย คริส พอล (Chris Paul) จอมบงการ ไร้รอยยิ้ม ที่สามารถอ่านสถานการณ์ และปรับเพลย์ได้ทันที แต่ต่างกันตรงที่พอลใช้เสียง และการสั่งตรง ขณะที่เมอร์เร่ย์ ใช้การสื่อสารที่นุ่มเงียบกว่า
ในด้านทักษะการรุก เขาอาจไม่หวือหวาเท่า อัจฉริยะ นอกเส้นตรง อย่างไครี เออร์วิง (Kyrie Irving) ในการเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่ง แต่มีความคงเส้นคงวา และแม่นยำในจังหวะสำคัญๆมากกว่า ทั้งหมดนี้ทำให้เมอร์เร่ย์ เป็นการ์ดที่คู่แข่งประเมินต่ำไม่ได้เลย
การใช้ภาษากายในสนาม ไม่ใช่แค่เรื่องของท่าทาง แต่มันเป็นการสร้าง “ความรู้สึก” ให้กับเกม คู่แข่งจะรู้สึกว่าทุกจังหวะ ถูกควบคุมโดยบางสิ่ง ที่พวกเขามองไม่เห็น
การรู้ว่าเพื่อนร่วมทีมจะทำอะไรต่อไป โดยไม่ต้องพูด คือระดับของ chemistry ที่สูงมาก ซึ่งเมอร์เร่ย์ได้สร้างขึ้น ในเวลาไม่นาน หลังเข้ามาในทีม Pelicans
สำหรับนักบาสสมัครเล่น – เมอร์เร่ย์คือแบบอย่างว่า การคุมเกม ไม่จำเป็นต้องมีเสียงดัง หรือแสดงอำนาจ แต่เป็นเรื่องของการทำให้ทุกคน เข้าใจเพลย์ร่วมกัน
สำหรับโค้ช – การฝึกภาษากาย และสัญญาณลับ สามารถลดเวลาการสื่อสาร และทำให้ทีมได้เปรียบ ในเกมที่ต้องการความเร็ว
สำหรับแฟนบาสเกตบอล – ลองโฟกัสที่จังหวะ “ก่อนเพลย์เริ่ม” เพราะนั่นคือช่วงเวลาที่เมอร์เร่ย์ กำลังสร้างเวที ให้สิ่งสำคัญได้เกิดขึ้น
ท้ายที่สุด การ์ดคุมเกม ผ่านภาษากาย “เดชอนเต้ เมอร์เร่ย์” อาจไม่ได้สร้างคลิปไฮไลต์ จากการดังก์เหนือหัว หรือการชู้ตสามแต้มสุดไกล แต่เขามีสิ่งที่หลายคนไม่มี และมันคือเหตุผล ที่แม้เขาจะหายไปจากสนามในฤดูกาลนี้ แต่ชื่อของเขา ก็ยังคงอยู่ในบทสนทนา ของคนที่รักบาสเกตบอล
ความสามารถในการใช้ภาษากาย และจังหวะการเคลื่อนไหว ที่ควบคุมเกมโดยไม่ต้องใช้คำพูด ทำให้เพื่อนร่วมทีมเข้าใจเพลย์ได้ทันที และลดโอกาสที่คู่แข่งจะจับทางได้
การควบคุมเกมไม่จำเป็นต้องใช้ความดัง หรือการแสดงออกที่ชัดเจนเสมอไป บางครั้งความเงียบ และความเข้าใจร่วมกัน คือเป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุด